-->

วันพฤหัสบดีที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

นิทานชวนเพลิน 🧚‍♂️ กระเต็นน้อยหลงรัง

นิทานหน้าจอ  https://planetpt.blogspot.com/

เช้าวันนี้ อากาศแจ่มใสจริง   กระเต็นน้อยนึกในใจ ขณะกำลังบินเล่นลมเหนือสายน้ำใหญ่ ใกล้รังริมน้ำ
อย่างเพลิดเพลิน 
 
นก กระเต็นน้อยธรรมดา
      วันนี้  เป็นวันที่สามแล้วที่แม่นกปล่อยให้กระเต็นน้อยออกหากินตามลำพัง  “ตอนนี้ เจ้าก็ปีกกล้าขาแข็งพอที่จะต่อสู้ชีวิตได้ด้วยตัวเองแล้ว  เจ้าต้องไม่ทำให้แม่ผิดหวังนะ ลูกรัก” นึกถึงคำของแม่แล้ว  ทำให้กระเต็นน้อยต้องขยับปีกบินเร่งความเร็วอย่างลืมตัว  ด้วยความภาคภูมิใจและมั่นใจในพละกำลังของตนเป็นยิ่งนัก 

     ทันใดนั้นเอง กระเต็นน้อยก็ได้ยินเสียงอากาศแหวกวู่มาทางเบื้องหลัง   เมื่อหันไปมองก็ตกใจแทบสิ้นสติ เจ้าเหยี่ยวใหญ่ ศัตรูตัวร้ายของบรรดานกเล็กนั่นเอง   กำลังบินตรงเข้ามาหาอย่างมุ่งร้ายเต็มที่  กระเต็นน้อยบินถลาไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต   แต่ยิ่งบินไป บินไป ก็ยิ่งได้ยินเสียงเจ้าเหยี่ยวใหญ่ดังใกล้เข้ามาทุกที
 
https://planetpt.blogspot.com/

กระเต็นน้อยตัดสินใจบินหักหลบเข้าข้างทาง พุ่งตัวลัดเลาะไปตามสุมทุมพุ่มไม้ลึกเข้าไปในป่าใหญ่ไม่ยอมหยุด บิน..บิน..และบิน ทางโน้นที ทางนี้ที กระทั่งสิ้นเรี่ยวแรงที่จะบินต่อไป... 

      กระเต็นน้อยเหลียวไปมองด้านหลังอีกครั้ง   เหยี่ยวใหญ่หายไปแล้ว  ปลอดภัยเสียที กระเต็นน้อยถอนหายใจอย่างโล่งอก  ก่อนที่จะบินไปเกาะพักยังกิ่งไม้ใหญ่เบื้องหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน   อดมองไปรอบ ๆ อีกครั้งไม่ได้ด้วยความหวาดระแวง  และแล้ว...ก็ต้องใจหายวาบ เมื่อพบว่า ที่ที่ตนอยู่ขณะนี้ เป็นที่แปลกตาซึ่งไม่เคยพานพบมาก่อน  แม้กระทั่งแม่น้ำสายใหญ่ที่อยู่ห่างไกลออกไป  ก็ดูเหมือนไม่ใช่แม่น้ำสายเดิมเลย  โอ...ตายละ  นี่มันที่ไหนกันนี่ 

     กระเต็นน้อยเริ่มตกใจกลัว เขาหาทางกลับบ้านไม่ถูกเสียแล้ว เพราะความตกใจ ได้แต่คิดเอาชีวิตให้รอดพ้นเงื้อมมือเจ้าเหยี่ยวร้ายตัวนั้น  จึงลืมจดจำทิศทางเสียสนิท  รู้อยู่อย่างเดียวว่าบินมาไกลเหลือเกิน  ดวงอาทิตย์ก็เริ่มบ่ายคล้อยไปแล้ว อีกไม่นานก็เย็นค่ำ  โอย...แย่แน่ ๆ เลย    กระเต็นน้อยสะอื้นฮั่ก... 

วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

กวีวัจนะ📜 ร้อยกระบวนสำนวนไทย (๑) ร่ายสุภาพ/ฉันท์

สำนวนไทยในชีวิตประจำวัน https://planetpt.blogspot.com/
โวหารโบราณไทย แทรกแฝงไว้เป็นคติ ก่อดำริโดยชอบ ให้รอบคอบคิดเห็น ยามบำเพ็ญกอปรกิจ  แก่ชีวิตทุกขณะ  รู้ปะทะทางทุกข์ รู้สร้างสุขพอเสพ รู้จักเจ็บจักจำ รู้โถมทำรู้ถอย รู้รอคอยรู้เร่ง รู้ควรเก่งควรหลบ รู้สยบรู้ยอ รู้ควรงอควรหัก รู้ผ่อนหนักผ่อนเบา รู้ทางเขลาทางควร รู้ถี่ถ้วนทางเถิน รู้ดำเนินทางราบ รู้บำราบปรปักษ์ รู้ตอบรักหมู่มิตร รู้ขบคิดครวญใคร่ รู้สงสัยสืบเสาะ รู้ย่างเหยาะเย็นเยือก รู้ว่าเปลือกว่าแก่น รู้ตอบแทนตอบรับ รู้สดับรู้แสดง รู้ระแวงขานไข รู้เปิดใจเปิดปาก รู้ใดกากใดค่า รู้คบค้าเพื่อนมนุษย์ รู้สมมุติสงสาร รู้สราญเริงรื่น รู้หยิบยื่นแก่เขา รู้รับเอาเหมาะสม รู้ทางลมทางหลีก รู้ใครฉีกใครฉก รู้ยอยกชีวาตม์ รู้อำนาจยามใช้ รู้ปลอบใจยามหม่น รู้เจียมตนเจียมอยู่ รู้ศัตรูรู้มิตร หลั่งแง่คิดคมคาย หลากความหมายมากมี แล้วแต่ตีความขบ บ้างซ่อนทบหลายชั้น บ้างแดกดันพอเจ็บ บ้างหนักเหน็บตรงตรง บ้างเจตน์จงปรามาส บ้างประสาทสังสิทธิ บ้างสะกิดให้ฉุก บ้างปลอบปลุกให้สู้ บ้างโจมจู่จับใจ บ้างเลียดไถลเข้าข้าง บ้างสมอ้างเอาเอง ท่านเลบงบอกบท กำหนดข้อคำสอน  เป็นคำกลอนสุภาษิต ให้แง่คิดคำคม บ้างติชมเฉยเฉย เรียกคำพังเพยก็ว่า บ้างอุปมาอุปไมย ยกข้อไขเปรียบเทียบ เรียบเรียงไว้โวหาร เป็นบำนาญแห่งผู้ ชมชื่นหวังเรียนรู้ แบบเบื้องบุรพกาล  ท่านแฮ...

วิชชุมมาลาฉันท์


ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ คนดีมักไร้ เภทภัยแผ้วพาน

ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน อยากอยู่สำราญ อย่าเที่ยวโกงใคร

ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ ต่างรู้ไส้ใน ซึ่งกันและกัน
จอดไม่ต้องแจว เถื่อนแถวทางตัน ขัดข้องทั้งนั้น ทางสู้ทางหนี

หาเหาใส่หัว เปลืองตัวใช่ที่ ช่วยเขาเราซี หน้าเผือดเดือดร้อน

เอามือซุกหีบ ต้องรีบไถ่ถอน พิษร้ายภัยรอน อย่าวอนหาความ

อย่าหมิ่นทับถม คนล้มอย่าข้าม วันนี้ทรุดทราม วันงามยังมี
 

วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2563

🌼โมก : หอมละมุนกรุ่นเสน่ห์ทั้ง วงศ์วาน

 

ดอกไม้หอม  "โมก" Water Jasmine       เหม่อดูหมู่แมกไม้           
        เหตุไฉนดูเศร้าหมอง
        หรือเค้าโมงที่เคยมอง
        เคยจู่จับกลับหายไป

       โมกซ้อนกลีบอ่อนหวาน
       สั่นสะท้านเหมือนจับไข้
       อ่อนระโหยด้วยโพยภัย
      ที่สาดสุมมารุมทรวง

      จากไปไม่เหลือแล้ว
      ประกายแก้วเคยห่วงหวง
      เดือนดับกับแดดวง
      แล้วพฤกษ์ไพรก็หายวับฯ 


โมก [โมกลา โมกซ้อน โมกบ้าน]
วงศ์ : Apocynaceae 
ลำนำดอกไม้  ไม้ไทยกลิ่นหอมพิสุทธิ์..โมก
            ไม้ต้นนี้มีเพื่อนพ้องน้องพี่่ร่วมวงศ์เดียวกันเป็นไม้ดอกสวยงามมากมายเช่น ลีลาวดี บานบุรี ยี่โถ ชวนชม รำเพย ตีนเป็ดและพญาสัตบรรณฯลฯ เป็นต้น ลักษณะเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ของพืชในวงศ์นี้คือ มียางเหนียว ๆ สีขาวข้นในแทบทุกส่วนของลำต้นที่จะไหลซึมออกมาทันทีที่ถูกสะกิด ซ้ำร้ายกว่านั้น ยางของไม้ในวงศ์นี้บางต้น โดยเฉพาะยางของต้นรำเพย ยี่โถ และชวนชมยังมีพิษเบื่อเมาอย่างร้ายแรง จึงเป็นอันตรายอย่างยิ่งสำหรับเด็ก ๆ ที่อาจสัมผัสหรือเผลอรับประทานเข้าไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์

https://planetpt.blogspot.com/
            โมก..เป็นไม้ที่อยู่เคียงคู่กับสังคมไทยมานานแล้วเฉกเช่นเดียวกับไม้ไทยโบราณอื่น ๆ หลายต้น บทประพันธ์เกี่ยวเนื่องถึงไม้โมกและไม้โมกมันที่ปรากฎอยู่ในวรรณคดีไทยก็่มีหลายต่อหลายเรื่องเช่นกัน อย่างเช่นในบทพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่่ ๑ เรื่อง “รามเกืยรติ์” ที่ว่า

        ไก่แก้วจับแก้วขันขาน
        กระเหว่าจับกระวานส่งเสียง
        เค้าโมงจับโมกมองเมียง
        นกหกจับเหียงเคียงจร

วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2563

๑๑ เหตุผล💎 ทำไมสุนทรภู่จึงยืนหนึ่งในฐานะกวีเอกเสมอมา..

BookAbout  สุนทรภู่ ครูกวี ThaiPoet

ย้อนความหลังครั้งเก่าเงาอดีต ทั้งจารีตประเพณีที่สูญหาย

อีกสีสรรพ์วรรณคดีที่พริ้งพราย กับลวดลายนิทานเนิ่นนานมา

เพราะหนังสือถูกทัพดิสรัปชั่น มาห้ำหั่นจนสูญหายไปต่อหน้า

จึงสืบสานพอให้รู้ผ่านหูตา ตามประสาคนเก่า..อยากเล่าให้ฟัง...


คงจะมีคนสงสัยกันบ้างว่า ทำไมกวีเอกอย่างสุนทรภู่ถึงได้รับการยอมรับและยกย่องกันเป็นอย่างมาก ทั้งที่ไทยเรามีกวีฝีมือเยี่ยมและวรรณคดีชั้นครูอยู่มากมาย  วันนี้ เราจะมาดูกันว่า กระบวนกลอนสุนทรภู่มีความโดดเด่นอย่างไร ถึงทำให้ท่านยืนหนึ่งตลอดมา…..


รื่นไหลดังสายน้ำ

งดงามด้วยลีลา

อหังการ์เปี่ยมล้น

แยบยลในการเล่า

ปลุกเร้าจินตนาการ

แตกฉานในสัมผัส

เด่นชัดในในอารมณ์

อุดมสุภาษิต

สื่อชีวิตแนบเนียน

เขียนภาษาตลาด

ปราชญ์แห่งการใช้คำ

"สุนทรภู่"  SoonthornPoo Thai Great Poet


บางที นี่อาจจะเป็นบทสรุปงานของท่านภู่หรือสุนทรภู่ที่เรารู้จักกันดีในฐานะกวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ท่านถือเป็นกวีสี่แผ่นดิน คือเกิดในสมัยรัชกาลที่ ๑ แล้วมีชีวิตอยู่ต่อมาจนถึงรัชกาลที่ ๔  ท่านเกิดและเติบโตมาในรั้ววังหลัง เพราะมีแม่เป็นข้าหลวงอยู่ในวัง  ตอนที่ท่านเริ่มโตเป็นโจ๋อยู่แถววังหลังนั้น เป็นช่วงต้นรัชกาลที่ ๒ ที่ถือกันว่าเป็นยุคทองของวรรณคดีไทย  เพราะสังคมเริ่มสงบ เริ่มฟื้นตัวจากพิษสงครามกับพม่า   มีการติดต่อค้าขายกับฝรั่ง แขก จีน ไทยไปทั่วกรุงสยามสมัยนั้น  ท่านสุนทรภู่คงมีโอกาสคลุกคลีกับนักเดินทางและคนเรือสินค้าที่ขึ้นล่องผ่านแม่น้ำเจ้าพระยาเข้ามา ท่านจึงซึมซับความรู้เรื่องราวต่าง ๆ จากโลกภายนอกอย่างกว้างขวาง  ประกอบกับในรั้ววังหลังก็คงมีการละเล่น ร้องรำทำเพลงกันเป็นประจำ เช่น เล่าขานวรรณคดี ขับเสภา เล่นกลอนสักวา การละครฟ้อนรำ  บรรเลงมโหรีปี่พาทย์ สิ่งเหล่านี้ สุนทรภู่คงคุ้นเคยเป็นอย่างดี  เมื่อรวมกับนิสัยรักเรียนเขียนอ่านของท่าน  จึงไม่แปลกอะไรที่ท่านจะมีความรู้แตกฉานด้านการใช้ภาษาและสามารถนำออกมาใช้อย่างเชี่ยวชาญ…


ทีนี้ มาดูกันทีละข้อว่ากลอนของสุนทรภู่มีความโดดเด่นอย่างไร

โพสต์แนะนำ

สาระนิทาน ชุด ไม้ไทยใจดี 🍽 เรื่อง "ข.ข้าว ขาว ขาว"

เขียวเอย...เขียวพรมผืนใหญ่ ใครมาถักทอไว้ แลไกลสุดตา  เจียวเอย... ตัวฉันนั่นไง  ใบ ข้าว เขียวเขียว ยืนต้นเดี่ยวเดี่ยว  ร...