-->
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ กางร่มให้โลก แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ กางร่มให้โลก แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2563

🌼โมก : หอมละมุนกรุ่นเสน่ห์ทั้ง วงศ์วาน

 

ดอกไม้หอม  "โมก" Water Jasmine       เหม่อดูหมู่แมกไม้           
        เหตุไฉนดูเศร้าหมอง
        หรือเค้าโมงที่เคยมอง
        เคยจู่จับกลับหายไป

       โมกซ้อนกลีบอ่อนหวาน
       สั่นสะท้านเหมือนจับไข้
       อ่อนระโหยด้วยโพยภัย
      ที่สาดสุมมารุมทรวง

      จากไปไม่เหลือแล้ว
      ประกายแก้วเคยห่วงหวง
      เดือนดับกับแดดวง
      แล้วพฤกษ์ไพรก็หายวับฯ 


โมก [โมกลา โมกซ้อน โมกบ้าน]
วงศ์ : Apocynaceae 
ลำนำดอกไม้  ไม้ไทยกลิ่นหอมพิสุทธิ์..โมก
            ไม้ต้นนี้มีเพื่อนพ้องน้องพี่่ร่วมวงศ์เดียวกันเป็นไม้ดอกสวยงามมากมายเช่น ลีลาวดี บานบุรี ยี่โถ ชวนชม รำเพย ตีนเป็ดและพญาสัตบรรณฯลฯ เป็นต้น ลักษณะเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ของพืชในวงศ์นี้คือ มียางเหนียว ๆ สีขาวข้นในแทบทุกส่วนของลำต้นที่จะไหลซึมออกมาทันทีที่ถูกสะกิด ซ้ำร้ายกว่านั้น ยางของไม้ในวงศ์นี้บางต้น โดยเฉพาะยางของต้นรำเพย ยี่โถ และชวนชมยังมีพิษเบื่อเมาอย่างร้ายแรง จึงเป็นอันตรายอย่างยิ่งสำหรับเด็ก ๆ ที่อาจสัมผัสหรือเผลอรับประทานเข้าไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์

https://planetpt.blogspot.com/
            โมก..เป็นไม้ที่อยู่เคียงคู่กับสังคมไทยมานานแล้วเฉกเช่นเดียวกับไม้ไทยโบราณอื่น ๆ หลายต้น บทประพันธ์เกี่ยวเนื่องถึงไม้โมกและไม้โมกมันที่ปรากฎอยู่ในวรรณคดีไทยก็่มีหลายต่อหลายเรื่องเช่นกัน อย่างเช่นในบทพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่่ ๑ เรื่อง “รามเกืยรติ์” ที่ว่า

        ไก่แก้วจับแก้วขันขาน
        กระเหว่าจับกระวานส่งเสียง
        เค้าโมงจับโมกมองเมียง
        นกหกจับเหียงเคียงจร

วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

สาระนิทาน ชุด ไม้ไทยใจดี 🌿 "ไผ่น้อย..ธรรมดา"

สารนิทาน ไม้ไทยใจดี https://planetpt.blogspot.com/ในป่าเบญจพรรณ
มีพันธุ์ไม้ใหญ่น้อย นับร้อยนับพัน
พ่อแม่พี่น้องของฉัน
ต่างเกิด โต ตาย ที่นั่น เสมอมา

ฉันเป็นพืชตระกูลหญ้า
แต่ต้นโตกว่า เลยเรียกกันว่า"ไผ่"
ญาติพี่น้องมากหน้า มีหน้าตาแตกต่างกันไป
บ้างใบเล็ก บ้างใบใหญ่
บ้างเป็นพุ่ม บ้างเป็นกอ
แต่ล้วนตั้งลำแบ่งข้อ แตกหน่อที่ตา

เขาว่ากันว่า ฉันคล้ายผู้หญิง
ดูดูก็จริง เพราะฉันอ่อนไหว
ฉันชอบร้องเพลง ฉันชอบลู่ลม
เป็นเหมือนม่าน เหมือนพรม
ช่วยกันห่มไม้ใหญ่

ถึงคราวฟ้าพิโรธ ลงโทษป่าด้วยไฟ
ฉันก็พลอยผสม ระเริงลมเต็มที่
ที่ฉันทำอย่างนี้ เธอคงว่าไม่ดีใช่ไหม

แต่ที่จริงฉันทำเพื่อไม้อ่อน
เขาอ้อนวอนขอเติบใหญ่



https://planetpt.blogspot.com/
ฉันจึงต้องเปิดป่า ให้ใบหญ้าได้ระบัด
เป็นโรงอาหารของสัตว์ นานา

วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2556

สารคดีสำหรับเด็ก เรื่อง พระอาทิตย์แสนดี


สารคดีเด็ก : พระอาทิตย์แสนดี  💓 👀
นิทานหน้าจอ  พระอาทิตย์แสนดี

สารคดีเด็ก (๑) พระอาทิตย์..แสนดี

เราทุกคนต่างมีพ่อมีแม่
สัตว์ทุกตัว ต้นไม้ทุกต้น
ต่างก็มีพ่อ มีแม่เหมือนกับเรา
พ่อแม่ คือผู้ที่ทำให้เราเกิดมา
ท่านเลี้ยงดูเรา ให้ความอบอุ่นแก่เรา
แม้แต่โลกที่เราอยู่อาศัยก็มีพ่อแม่
พ่อแม่ของโลกคือ พระอาทิตย์

นิทานหน้าจอ พระอาทิตย์แสนดีทุกทุกเช้า...
พระอาทิตย์จะนำความร้อนและแสงสว่างมาปลุกโลก
ปลุกต้นไม้ให้คลี่ใบบานออกรับแสง
ปลุกฝูงนกกาให้บินออกจากรังไปหากิน
คนและสัตว์ต่างก็พากันตื่นจากหลับ
พระอาทิตย์จะนำความร้อนและแสงสว่างมาปลุกโลก

ทุกชีวิตบนโลกต่างต้องพึ่งพาแสงอาทิตย์
หรือแสงแดดเพื่อการมีชีวิตอยู่ทั้งนั้น


ต้นไม้ต้องการแสงแดดในการสร้างอาหารเลี้ยงตัวเองให้เจริญเติบโต
ก่อนที่จะถูกสัตว์กินพืชกัดกินเป็นอาหารอีกที
แล้วสัตว์กินพืชก็กลายเป็นอาหารของสัตว์กินเนื้อและคนเราอีกต่อหนึ่ง
ทุกชีวิตบนโลกต่างต้องพึ่งพาแสงอาทิตย์ หรือแสงแดดเพื่อการมีชีวิตอยู่ทั้งนั้น
น้ำเค็มในทะเลและมหาสมุทร
ก็ต้องการความร้อนจากดวงอาทิตย์
เพื่อทำให้ตัวเองกลายเป็นน้ำจืด

วันอังคารที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2556

บทกวี >> พลับพลึงธาร ~ รันทดบทสุดท้าย


พลับพลึงธาร ~ รันทดบทสุดท้าย
ตะวันทอแพรแสดกลางแดดกล้า พยับพร่างมายาเริงฟ้าใส ลมพรูพัดสะบัดโบกโยกกิ่งไกว หมู่พฤกษ์ไพรเนืองนับเร่งจับจูง พลับพลึงธารบานเร้นลับกับสายน้ำ ขับลำนำบุษบากลางป่าสูง แก้วกาฮังสวยสล้างแข่งยางยูง บ้างพลัดฝูงรำฟ้อนริมหาดทราย หมู่กวางทรายร่ายรินมากินหญ้า พยัคฆาหลบเร้นเขม้นหมาย กระทิงโทนขวับเคี้ยวอยู่เดียวดาย แล้วภาพแห่งความตายก็ฉายมา ๒. เรือใบไม้ไหวสะท้านผ่านดงดิบ ยินเพียงเสียงกระซิบอันแปลบปร่า เราคือซาก..คือวิบัติ..พัฒนา จักเยือนคลองนาคาในเร็ววัน เรือใบไม้ถอนสะอื้นคืนสงัด กลางรกชัฏป่าเปลี่ยวเลี้ยวลดหลั่น เย็นน้ำใสไหลเริงเป็นเชิงชั้น ราวสวรรค์ในนิทานนานมาแล้ว

วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2555

สาระนิทาน ชุด ไม้ไทยใจดี 🍽 เรื่อง "ข.ข้าว ขาว ขาว"

planetp - สารนิทาน ชุด ไม้ไทยใจดี

เขียวเอย...เขียวพรมผืนใหญ่
ใครมาถักทอไว้
แลไกลสุดตา  เจียวเอย...





ตัวฉันนั่นไง  ใบข้าว
เขียวเขียว
ตัวฉันนั่นไง  ใบข้าวเขียวเขียว
ยืนต้นเดี่ยวเดี่ยว  รวมกับพวกดาษดื่น
ล้วนญาติวงศ์พงศ์เผ่า  ชาวนา ชาวน้ำ
เขามาปัก มาดำ      จนเติบโตเป็นผืน

เขาทำกันอย่างนี้                   เกือบหมื่นปีนับได้
แถบเอเชียออกใต้                   ก่อนแพร่หลายไปที่อื่น
ว่ากันตามหลักฐาน  แค่บ้านเชียงของเรา พวกเครื่องปั้นดินเผา  คลุกแกลบข้าวยืนพื้น
ว่ากันตามหลักฐาน     แค่บ้านเชียงของเรา
พวกเครื่องปั้นดินเผา  คลุกแกลบข้าวยืนพื้น

จึงพอชี้ให้เห็น           ฉันเป็นที่รู้จัก
แต่โบราณนานนัก      ช่วยให้คนอยู่ยีน

เปรียบเสมือนเพื่อนรัก  ที่แน่นหนักกว่าใคร
มีรักจริงยิ่งใหญ่       ถึงยอมให้..เคี้ยวกลืน


จึงพอชี้ให้เห็น    ฉันเป็นที่รู้จัก   แต่โบราณนานนัก   ช่วยให้คนอยู่ยีน



ดูกันแค่หน้าตา                       ฉันอาจเหมือนหญ้าอื่นอื่น
แต่ความจริงฉันแปลก           แตกต่างตรงข้อต่อ
มี “เยื่อกันน้ำ” เหนือข้อ     กับ “ตะขอ” คล้ายเขี้ยว
ส่วนพวกหญ้าสารพัน           เขามีกันอย่างเดียว
ไม่เยื่อกันน้ำก็เขี้ยว              ประกบติด “คอใบ”

วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2555

บทกวี >> แม่วงก์....แม่สะอื้น

เขียวขื่นกี่หมื่นเขียว โดนคมเขี้ยวเลื่อยยนต์บั่น
ขันแข็งแข่งเขมือบ
แล้วฝูงเหลือบก็รุมเข่น

ฟาดฟัดอย่างจัดเจน
บทผีดิบในดวงใจ

แม่วงก์..แม่สะอื้น
แม่จะยืนอยู่ตรงไหน
กลางฝุ่นและฟอนไฟ
หื่นตัณหาแห่งมานุษย์

แมงเกลื้อนแมลงกลาก
โผล่สำรากไม่หย่อนหยุด
มอดไม้ก็เร่งมุด
เขมือบไม้กันมุบมิบ

ป่าไม้ต้องรักษา
ปากก็ว่าตาขยิบ
เขม้นหมายไม่กระพริบ
แล้วป่าใหญ่ก็หายวับ


แลกสวยด้วยเขื่อนสูง
มยูรยูงอีกสัตว์สรรพ
ชีวิตอนันต์นับ
พินาศยับลงฉับพลัน


เขียวขื่นกี่หมื่นเขียว
โดนคมเขี้ยวเลื่อยยนต์บั่น
เพื่อคนกี่คนกัน
จึงสวรรค์ต้องวอดวาย

ฤาไทยต้องเลยเถิด
เตลิดล่มจนจมหาย
เมื่อนกรู้ต่างดูดาย
ไม่พร้อมพบสยบมัน...ฯ



วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2554

บทกวี >> ฤาโลกนี้มีแต่ฝันอันเหลือร้าย

นี่คือการทวงสิทธิ์ครั้งสุดท้าย เพื่อสืบลมหายใจให้พี่น้อง
ฤาโลกนี้มีแต่ฝันอันเหลือร้าย
ทุกสิ่งจึงดูสายไม่เหลือสวย
ฤาดิน ลม น้ำ ฟ้า ถึงคราม้วย
จึงโลกรวยความทุกข์ขุกเข็ญนัก

แก้วเจ้าจอม บานบุรี คลี่กลีบหม่น
ชเลชลฝูงปลาผวาหนัก
พรมพฤกษาร่ำไห้ยามทายทัก
หรือโลกนี้ป่วยหนักจนรักล้า

จึงมีแต่การทำลายไม่วายเว้น
มีแต่การฆ่าเข่นทุกหย่อมหญ้า
ทั้งผีเสื้อ เนื้อ หนอน สกุณา
ล้วนย่อยยับอัปราเพราะมือเรา

ฤาโลกนี้ไม่มีคนดีแล้ว
เพชรจึงไม่พราวแพรวเหมือนก่อนเก่า
ฤาความดีมัวไล่งับจับเงื้อมเงา
จนซึมเศร้า ดีไม่ได้.. ไปไม่เป็น

เหลือเพียงการวาดหวังที่ยังอยู่
เหลือเพียงแค่ทนดูทนรู้เห็น
อยากยืนรับลมชื่นคืนเดือนเพ็ญ
อยากกล่อมโลก ใจเย็นเย็น.. อย่าเพิ่งตาย

วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

สาระนิทาน ชุด ไม้ไทยใจดี 🍌"เรื่อง กล้วย..กล้วย"

ฉันคือต้นไม้ธรรมดา รูปร่างหน้าตาแบบกล้วยกล้วย
ฉันคือต้นไม้ธรรมดา
รูปร่างหน้าตาแบบกล้วยกล้วย
ไม่เคยรู้สึก รู้สา
ก็จริงนี่นา  ฉันชื่อ...กล้วย

  ฉันชอบบุกเบิกดงดอน
ตามป่าเมืองร้อน ป่าดิบเขา
ห่มดินให้แล้งหาย..คลายร้อนเร่า
ปลุกพืชหลายเหล่า  มาเป็นเพื่อนคุย

ฉันชอบบุกเบิกดงดอน ตามป่าเมืองร้อน ป่าดิบเขา
จากป่ามาเคียงรั้วบ้าน
ยืนอยู่เหย้า ประจำยาม
พร้อมพวกพี่น้อง..เพื่อนน้ำ
กำหนดนามแตกต่างกันไป




กล้วยหอม  กล้วยน้ำว้า  กล้วยตานี
กล้วยมณี  กล้วยหักมุก  กล้วยไข่

พี่น้อง..เพื่อนน้ำ กำหนดนามแตกต่างกันไป
กล้วยนาก  กล้วยเล็บมือ  กล้วยน้ำไท
กล้วยใต้  กล้วยส้ม  กล้วยหอมจันทร์

วันพฤหัสบดีที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เพลง [s] ดิน...น้ำ...ลม...ไฟ.

ดิน น้ำ ลม ไฟ     รินน้ำใจให้คน

โค้งฟ้า ขุนเขา ทะเลไกล        โชนไฟดวงตะวัน
สายน้ำซัดเซาะดิน            ลมเย็นพัดแผ่ว
ลึกลึก สูงสูง ล้อมเป็นแนว        รวมกันเป็นหนึ่งเดียว
กอดเกี่ยวเกิดพลังแห่งดินฟ้า
 
    ลำธารไหลริน        แผ่นดินเย็นชื่นฉ่ำ
        กลายเป็นไม้งาม    ชีวิตงอกเงย
            ตะวันทอแสงสาด    ลมพัดรำเพย
                เป็นเนืองนิตย์        อุทิศให้คน...
 
        ดิน น้ำ ลม ไฟ     รินน้ำใจให้คน
        ดิน น้ำ ลม ไฟ    จะมีใครทดแทน
 
โค้งฟ้า ขุนเขา ทะเลไกล        ใครมีใจอย่างเธอ
เขาคิดร้ายคิดดี            เธอก็มีรักตอบ
คึกคัก ครึกครื้น ทุกคืนวัน        ยืนยันแรงศรัทธา
สืบกฎธรรมดาแห่งชีวิต... 

ดิน น้ำ ลม ไฟ     รินน้ำใจให้คน
        ดิน น้ำ ลม ไฟ    จะมีใครทดแทน
        ดิน น้ำ ลม ไฟ     มีรักจริงยิ่งใหญ่
        ดิน น้ำ ลม ไฟ    จะมีใครเหมือนเธอ...

วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2553

บทกวี >> เขาใหญ่...ในห้วงสนธยา


แผ่นดินนี้พอเพียงเลี้ยงคนขาด แต่ไม่อาจอุ้มโอบคนโลภได้
ซึ่งได้เป็นความหลังแล้วทั้งสิ้น
คือความรัก แรงถวิลและห่วงหา
ไม่มีแล้วดอกไม้ในแววตา
เหลือเพียงแค่ราคาระหว่างคน

ลมร้อนอ้าวร้าวระรุมขึ้นสุมฟ้า
อวิชชาเสียดแทงทุกแห่งหน
ผืนแผ่นดินโฉ่ฉาวด้วยคาวคน
ทรชนยืดร่างอย่างผู้ดี

ปัญญานำพาคนให้พ้นทุกข์
แต่ถึงคราวทุรยุคบดขยี้
คุณธรรมคุณระยำสองคำนี้
เหมือนไม่มีความหมายแตกต่างกัน

เราจะไปไหนกันในวันพรุ่ง
เมื่อทุกคนต่างมุ่งขยายฝัน
จนมองข้ามทุกข์ทนของชนชั้น
ผู้เหลือสิทธิ์แบ่งปันแค่ฝันร้าย

วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2553

นิทานรักษ์โลก 🐠 เรื่อง "ปลาสาวเจ้าปัญญา"

นิทาน (๑) ปลาสาวเจ้าปัญญาบึงเล็ก ๆ ริมทุ่งนาแห่งหนึ่งมีน้ำใสสะอาด ดอกบัวหลากสีบานสะพรั่งทั่วผืน
น้ำ สลับกับหมู่ไม้น้ำที่ขึ้นกระจายกันเป็นหย่อม ๆ ลึกลงไปมีสาหร่ายสีเขียว
เป็นริ้วระลอกอุดมสมบูรณ์เป็นแหล่งพักพิงของฝูงปลาและเหล่าสัตว์น้ำได้
อาศัยอยู่อย่างมีความสุข โดยมีตะพาบน้ำชราตัวหนึ่งคอยดูแลบึงเล็ก ๆ
แห่งนี้ให้มีความสงบสุขตลอดมา

นิทาน (๑) ปลาสาวเจ้าปัญญา วันหนึ่ง ขณะที่ปลาสาวตัวหนึ่งกำลังว่ายน้ำเล่นอย่างเพลิดเพลิน เธอก็เหลือบไปเห็นกบตัวหนึ่งกระโดดผ่านหน้าไป
“อ้าว คุณกบ จะไปไหนน่ะ” ปลาสาวร้องทัก
“ก็ว่าจะขึ้นไปหาแมลงที่ชอบมากินใบข้าวในนาฟากโน้นนั่นแหละ
จะเอาบ้างไหมล่ะ ขากลับจะได้เอามาฝาก” กบร้องตอบ

“ไม่ละจ้ะ ขอบใจ ว่าแต่ทำไมต้องไปไกลนักล่ะ แถวนี้ก็มีนี่นา วันก่อนพ่อเขียดเขายังบอกเลยว่าเขาพบแมลงนอนเกลื่อนอยู่แถวโน้นตั้งเยอะแยะ ฉันยังนึกว่าสบายไปแล้วเสียอีกที่หาอาหารได้ง่าย ๆ “
“ฮื่ย..ย..แมลงพวกนั้นกินได้เสียที่ไหนกันล่ะ ตัวแข็งยังไงพิกล เผลอกินเข้าไปทีเป็นคลื่นไส้ทุกที
ฉันไม่เอาด้วยหรอก แหวะ..”
“ฮื่ย..ย..แมลงพวกนั้นกินได้เสียที่ไหนกันล่ะ ตัวแข็งยังไงพิกล เผลอกินเข้าไปทีเป็นคลื่นไส้ทุกที"กบทำท่าหวาดเสียว
“ตายจริง” ตะเพียนสาวอุทาน “ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นล่ะ”
“ก็ไม่รู้เหมือนกันแหละ รู้แต่ว่าเดี๋ยวนี้ ฉันจะไม่ยอมกินแมลงที่ตายแล้วเป็นอันขาด เฮ้อ..แย่จริง ไอ้ตัวเป็น ๆ ก็หายากเหลือเกิน ไปไหนกันหมดก็ไม่รู้” กบบ่นพึมพำก่อนกระโดดหยอย ๆ จากไป
ด้วยความเป็นปลาช่างคิด เธออดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมแมลงที่ตายแล้วถึงกินไม่ได้
“นี่ถ้าขึ้นไปบนบกได้อย่างกบก็ดีสินะ” เธอคิด “เผื่อจะได้รู้บ้างว่าเกิดอะไรขึ้น”
วันรุ่งขึ้น ปลาสาวว่ายน้ำเล่นอยู่ริมบึงเช่นเคย ขณะนั้นเอง เธอก็เห็นปูนาตัวหนึ่งเดินผ่านมาท่าทางดูแปลกไปจนอดไม่ได้ที่จะร้องถาม “สวัสดีจ้ะ ปูนา เป็นอะไรหรือเปล่า ดูเธอเดินไม่ค่อยไหวเลยนี่”
“อือ..ม์ มันเพลีย ๆ ยังไงก็ไม่รู้ หมู่นี้ ไม่ค่อยสบายอยู่เรื่อยเลย”
“ไปทำอะไรมาล่ะ” ปลาสาวซัก
“ก็ไม่เห็นได้ทำอะไรเลยนี่ ฉันก็ไปกัดกินต้นข้าวในนาตามปกตินั่นแหละ เอ๊ะ! รึว่าต้นข้าว ใช่แล้ว..
สงสัยต้องเป็นต้นข้าวแน่ ๆ เลยที่ทำให้ฉันปวดหัว โอย..ตายละ ทีนี้จะทำยังไงดีล่ะ ถ้าเกิดต้นข้าวเกิดกินไม่ได้ขี้นมาจริง ๆ “ ปูนาตีโพยตีพาย
ตะเพียนสาวโบกหางไปมาอย่างใช้ความคิด เธอชักเอะใจขึ้นมาแล้วว่า ท้องนารอบ ๆ บึงแห่งนี้มีอะไรบางอย่างที่เป็นอันตรายต่อตัวเธอและเพื่อน ๆ เธอไม่รู้หรอกว่าแท้ที่จริงแล้ว


พวกชาวนานั่นเองที่เป็นต้นเหตุ พวกเขาอยากให้ข้าวโตเร็ว ๆ อยากได้ข้าวมาก ๆ เลยเอายาฆ่าแมลงมาฉีดใส่ต้นข้าว เอาปุ๋ยเคมีพวกชาวนานั่นเองที่เป็นต้นเหตุ พวกเขาอยากให้ข้าวโตเร็ว ๆ อยากได้ข้าวมาก ๆ เลยเอายาฆ่าแมลงมาฉีดใส่ต้นข้าว เอาปุ๋ยเคมี
มาใส่ในนาจำนวนมาก จนทำให้พวกหนอน พวกแมลงตายเกลื่อน โดยที่พวกชาวนาเองก็ไม่รู้ว่าพิษภัยของมันได้ทำให้สัตว์อื่นที่อยู่ใกล้ ๆ แถวนั้น พลอยได้รับอันตรายไปตาม ๆ กัน...
“โอย..อูย...โอย...โอย..” ปลาสาวสะดุ้งคืนจากความคิด เมื่อได้ยินเสียงร้องดังมาไม่ไกลนัก เธอรีบว่ายน้ำไปดูก็พบแม่เตาดำตัวหนึ่งกำลังนอนร้องโอดโอยอยู่ที่ริมตลิ่งแม่เตาดำตัวหนึ่งกำลังนอนร้องโอดโอยอยู่ที่ริมตลิ่ง มีสัตว์น้ำหลายตัวมุงอยู่กันเต็ม
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ แม่เต่าดำเป็นอะไรไปหรือ” ปลาสาวร้องถามแมลงดานาที่อยู่
ใกล้ ๆ
“ฉันก็ยังไม่รู้เหมือนกัน ได้ยินว่าเขาไปกินผักบุ้งตรงปลายนาโน่น แล้วก็เกิดปวดท้องจนทนไม่ไหว เดี๋ยวหมอกุ้งก็คงมาแล้วละ พ่อกระดี่เขากำลังไปตามอยู่ โน่นไง มาโน่นแล้ว ปู่ตะพาบก็มาด้วย ไปดูกันเถอะ” แมลงดานาชักชวนปลาสาว
“เอาละ หลาน ๆ ฟังทางนี้” ตะพาบชราร้องเรียกสัตว์ทุกตัวที่อยู่บริเวณนั้น หลังจากเข้าไปดูหมอกุ้งรักษาพยาบาลแม่เต่าดำจนเสร็จ
“พวกเราคงรู้กันบ้างแล้วว่า บึงน้ำของเรากำลังจะไม่ใช่ที่อยู่อันสงบสุขของพวกเราอีกต่อไปแล้ว
หลายวันมานี้ พวกเราบางตัวไม่สบาย บางตัวถึงตายไปแล้วก็มี ปู่และหมอกุ้งได้ปรึกษากันมาหลายวันแล้ว  ได้ความว่าพวกมนุษย์ที่ทำนานั่นเองที่สร้างปัญหา...
“เขาทำอะไรพวกเราน่ะ แล้วพวกเราจะต้องตายกันหมดไหม” หลายส่งเสียงจ้อกแจ้กระงมไปหมด

“เดี๋ยว..เดี๋ยว เงียบ ๆ กันหน่อย” ปู่และหมอกุ้งได้ปรึกษากันมาหลายวันแล้ว  ได้ความว่าพวกมนุษย์ที่ทำนานั่นเองที่สร้างปัญหา...ปู่ตะพาบทำสัญญาณปราม
“ปู่ว่าที่จริงพวกมนุษย์เขาก็คงไม่ได้มีเจตนาทำร้ายพวกเราให้ตายหรอก เพียงแต่เขาอาจไม่ทันได้คิดอะไร นอกจากอยากให้ต้นข้าวของพวกเขาโตเร็ว ๆ เลยใส่สิ่งที่เรียกว่า “ยาปราบศัตรูพืช” ลงไปเพื่อป้องกันแมลงไม่ให้ไปรบกวนต้นข้าวของเขา ทีนี้ เมื่อใส่มาก ๆ เข้า มันก็เลยทำให้สัตว์อื่น ๆ พลอยไม่สบายไปด้วย โดยเฉพาะพวกที่ชอบกินแมลงเป็นอาหารอย่างนก กบ เขียดรวมทั้งปลาบางชนิด สัตว์อื่น ๆ พลอยไม่สบายไปด้วย โดยเฉพาะพวกที่ชอบกินแมลงเป็นอาหาร ตอนนี้ ทุ่งนารอบ ๆ บึงของเรามียาพวกนี้เต็มไปหมด อีกหน่อยก็คงลงมาในน้ำ ทีนี้ละ พวกเราทุกตัวก็คงหนีไม่พ้น ต้องตายกันหมดแน่ ๆ ถึงดอกบัวในน้ำก็ถอะ คงต้องเฉาตายเหมือนกัน” ตะพาบชรามองสัตว์ทุกตัวด้วยความสงสาร

ที่เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้น ก็เพราะพวกมนุษย์เขาอาจไม่รู้ก็ได้ว่า ได้ทำอะไรลงไป
“ตายละ แล้วทีนี้พวกเราจะทำยังไงกันดีล่ะ ปู่” สัตว์ตัวหนึ่งถามขึ้น
“ปู่ก็ไม่รู้เหมือนกันแหละ หลานเอ๊ย” ปู่ตะพาบตอบ “เราไม่มีทางทำอะไรได้หรอก นอกจากพวก
มนุษย์เขาจะเห็นใจเรา ไม่ปล่อยสิ่งมีพิษลงมาในน้ำอีก”
“ใช่แล้วละ นึกออกแล้ว” ปลาสาวร้องขึ้นอย่างดีใจ “บางที ที่เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้น ก็เพราะพวกมนุษย์เขาอาจไม่รู้ก็ได้ว่า ได้ทำอะไรลงไป.. ถ้างั้น เราก็หาทางบอกพวกเขาสิ ปู่ ทำอะไรสักอย่างให้เขารู้ให้ได้..”
“จริงซี” ปู่ตะพาบคล้อยตาม “แต่เราจะบอกเขาได้ยังไงล่ะ ไม่มีใครพูดภาษาคนได้นี่”
“เอาอย่างนี้สิ” เธอเอียงตัวเข้าไปซุบซิบบอกแผนการให้ปู่ตะพาบฟัง
รุ่งขึ้น เมื่อชาวนามาถึงทุ่งนาก็ต้องรู้สึกประหลาดใจ เมื่อเห็นสัตว์เล็ก ๆ นอนตายเกลื่อน

รุ่งขึ้น เมื่อชาวนามาถึงทุ่งนาก็ต้องรู้สึกประหลาดใจ เมื่อเห็นสัตว์เล็ก ๆ นอนตายเกลื่อน ปลาสาวเจ้าความคิดนั่นเองที่บอกให้เพื่อน ๆ ของเธอช่วยกันกระจายข่าวสารพิษในนาข้าวที่ชาวนาเอามาใส่ไว้ให้เพื่อนสัตว์ที่อาศัยตามท้องนารับรู้ และให้ช่วยกันแกล้งทำเป็นนอนตายให้ชาวนาเห็น ขณะเดียวกัน พวกสัตว์น้ำก็พากันลอยเป็นแพทุกครั้งที่คนมาตักน้ำ หรือเก็บดอกไม้ในบึง จนพวกชาวนาชักไม่สบายใจขึ้นทุกที
“เอ..หมู่นี้บ้านเราดูมันมีอะไรแปลก ๆ พิกล” ชาวนาคนหนึ่งปรับทุกข์กับเพื่อน “ไปไหนมาไหนก็
ได้เห็นนก หนู ปู ปลา ตายกันเรื่อยเชียว ดูท่าชักจะไม่ค่อยดีแล้วละ”
“นั่นสิ ถึงว่าเถอะ แม้แต่ไอ้ทุยของฉันก็ดูซึม ๆ ไป ฉันว่าลองไปหาผู้ใหญ่ดูดีไหม เผื่อแกจะช่วยได้บ้าง”
ผู้ใหญ่เรียกประชุมลูกบ้านและบอกทุกคนว่า ยาและสารเคมีที่พวกเขานำไปใส่ต้นข้าวนั้น มีผลร้ายอย่างไรบ้างอย่าลืมที่ปู่ตะพาบบอกไว้แล้วกันนะ อย่าเผลอไปเที่ยวกัดกินต้นข้าวของชาวนาเรื่อยเปื่อยอีกล่ะ เดี๋ยวเขาเดือดร้อน..
“เฮ่ย..เรื่องแบบนี้ผู้ใหญ่คงช่วยอะไรไม่ได้หรอก ข้าว่าเราไปถามหมอในเมืองดีกว่ามั้ง ไป..ไปด้วยกัน”
เหตุการณ์ดำเนินไปตามแผนของพวกสัตว์ เมื่อหมอในเมืองทราบเรื่องและมาตรวจที่ทุ่งนา ก็รู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น หมอรีบขอให้ผู้ใหญ่เรียกประชุมลูกบ้านและบอกทุกคนว่า ยาและสารเคมีที่พวกเขานำไปใส่ต้นข้าวนั้น มีผลร้ายอย่างไรบ้าง ทำให้ชาวบ้านพากันเลิกใช้ แล้วความสงบสุขจึงกลับมาเยือนทุ่งนาและบึงน้ำอีกครั้ง

“ปลาแสนสวยจ๋า แหม..ว่ายน้ำเพลินเชียวนะ ไม่ทักทายกันบ้างเลย”
“อ้าว! พี่ปูนา ขอโทษเถอะจ้ะ ไม่ทันเห็นจริง ๆ เป็นไงบ้างล่ะจ๊ะ พักนี้”
“สบายดีจ้ะ” ปูนาตอบ “เดี๋ยวนี้ฉันไปเที่ยวทุ่งทุกวันเลย หาอะไรกินได้ตั้งเยอะแยะ ไม่ต้องคอยระวังเหมือนก่อน พูดก็พูดเถอะนะ เรื่องนี้ต้องขอบใจเธอจริง ๆ ที่มีหัวคิดเจ๋งมาก นี่ถ้าไม่ได้เธอช่วยละก็   เฮ้อ..ป่านนี้..”

“แหม..ไม่เอาน่า พูดอย่างนี้ฉันก็เขินแย่สิ ว่าแต่ว่าอย่าลืมที่ปู่ตะพาบบอกไว้แล้วกันนะ อย่าเผลอไปเที่ยวกัดกินต้นข้าวของชาวนาเรื่อยเปื่อยอีกล่ะ เดี๋ยวเขาเดือดร้อนหนักเข้า ก็จะเอายามาใส่  ทำให้พวกเราลำบากกันอีกหรอก” ปลาสาวพูด

“โธ่เอ๊ย..ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันจำได้แม่นเชียวละ ฉันสัญญากับตัวเองแล้วว่า จะไม่ทำให้ชาวนา
ต้องเดือดร้อนเป็นอันขาด ไม่ใช่แค่ฉันเท่านั้นนะ เพื่อน ๆ ฉันก็เหมือนกัน รับรองน่า...” ว่าแล้ว ปูนาก็เดินจากไปอย่างมีความสุข

แดดอ่อน ๆ ยามเช้า สาดแสงลงมากระทบระลอกคลื่นเหนือบึงใหญ่ เป็นริ้วทอประกายระยิบระยับแดดอ่อน ๆ ยามเช้า สาดแสงลงมากระทบระลอกคลื่นเหนือบึงใหญ่ เป็นริ้วทอประกายระยิบระยับ
ราวกับเป็นสัญญาณเริ่มต้นชีวิตใหม่ของบรรดาสัตว์ทั่วบริเวณบึงน้ำ
ไกลออกไป ต้นข้าวกำลังทอดใบเขียว พลิ้วโอนเอนเป็นผืนยาวสุดสายตา สายลมอ่อน ๆ พัดโชย  นำความร่มเย็นและสุขสงบมาสู่ทุกชีวิตอีกครั้ง...
http://planetpt.blogspot.com/search/label/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81

นิทาน (๑) ปลาสาวเจ้าปัญญา



วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

นิทาน ก.ไก่ 🐓 "ก.ไก่ ชมดง"


ไก่ ไล่กิ้งก่า ก-กา แลเก้งกวาง
ไข่ ใครมาวาง ขืนทิ้งขว้างเขาจะขอ
ฃวด หายไปไหน ใครทิ้งไว้ในป่าหนอ

ควาย ไล่ชนตอ ลับคมเขาเหลาคมคง
คน หัวหยักหยัก บ้างคือยักษ์ในไพรพง
ฆ่า สัตว์ป่าดง เลอะเลือนหลงไร้เมตตา

งู ดูให้ดี ประโยชน์มีมากเชียวนา
จิบ จอก จาบคา บินเริงร่าลัดฟ้าไกล
โฉบ เฉี่ยวฉับฉับอินทรีจับปลาตัวใหญ่


ช้าง งาหายไป โหยหวลไห้หาไม่เจอ



ซาก สัตว์เรียงราย น่าใจหายใช่ไหมเธอ
เฌอ ใช่กระเชอ ฌ เออ เฌอคือต้นไม้

หญ้า ระบัดยอด แทงตลอดทุกที่ไป
กฎ กำหนดไว้ โลกอยู่ได้ด้วยการุณ
รกชัฏ สัตว์ชอบซุก ยามภัยรุกเข้าซุกซุน


ฐาน ถิ่นค้ำจุน คอยเกื้อหนุนอุ่นกายใจ
ไพฑูรย์ เพชรตาแมว คือดวงแก้วสีไม้ไผ่

เฒ่า มากวุฒิวัย อย่าเผลอไผลล้อลามปาม
คุณ ใดหลายหลาก โทษยิ่งมากเป็นเงาตาม
ดอก ไม้แสนงาม สะพรึบพรั่งทั้งดงดอย


ต่อ แตน เต็มต้น แตกตื่นตนตั้งตาต่อย

ถ้ำ งามหินย้อย ริกริกร่อยทุกเถื่อนทาง
ทุ่ง โล่งครั้งนั้น เกลื่อนสมัน ทราย เก้ง กวาง
ธรรมชาติสร้าง ใช่มล้างจนสูญพันธุ์


นก เกลื่อนฟ้าคราม
คือความงามและความฝัน
ใบไม้ไหวสั่น พริ้วพร่างพรมห่มคลุมดิน
ป่าไม้ลำธาร ดุจดังบ้านของชีวิน
ผีเสื้อผกผิน กระซิบบอกสายลมไกว
ฝน หล่นจากฟ้า หอย ปู ปลา เริงน้ำใส
พืช แพร่พฤกษ์ไพร สูงลดหลั่นหลายชั้นเชิง
ฟัน ขบขวับขวับ กุบกุบกับหยุดยืนเบิ่ง
ภู ชะวากเวิ้ง สายน้ำตกซ่าโครมครืน
แมลง แข่งขับขาน สอดประสานเพลงกลางคืน


ใย ระโยงยื่น
ยะยับย้ำสีเงินยวง
รัง รวง และรู ร้อยรักอยู่ทุกรังรวง
ลิงชอบควักล้วง เขาจึงลวงเจ้าไปขาย
วัวแดง กระทิง โคไพร มหิงส์ วิ่งเร้นกาย
โศก เศร้าเสียดาย เขาคิดร้าย เจ้าจึงจำ
ฤาษี ชีไพรเอย วอนจงเผยชี้ทางนำ


เสือ สางสัตว์ส่ำ ล้วนรักตนเช่นคนเรา
หาง ห้อยโหนไม้ ปัดริ้นไรพอบรรเทา
 ฬา ฬ่อ คำเก่า  เดี๋ยวนี้เขาใช้ ล.ลิง
อารักขาไว้ เถิดดวงใจในทุกสิ่ง


โฮก ฮูมดังจริง นกฮูกนิ่งมองตาโต.






https://planetpt.blogspot.com/search/label/%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%AD 

โพสต์แนะนำ

สาระนิทาน ชุด ไม้ไทยใจดี 🍽 เรื่อง "ข.ข้าว ขาว ขาว"

เขียวเอย...เขียวพรมผืนใหญ่ ใครมาถักทอไว้ แลไกลสุดตา  เจียวเอย... ตัวฉันนั่นไง  ใบ ข้าว เขียวเขียว ยืนต้นเดี่ยวเดี่ยว  ร...