แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สีสรรพ์วรรณศิลป์ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สีสรรพ์วรรณศิลป์ แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2568

บทกวี 🥀ชราชยกถา

planetp * ชราชยกถา

มองกระจกบานเก่าเงาฉายส่อง

กระจกฟ้องความจริงสิ่งที่เห็น

ผิวเหี่ยวย่นโปนปูดหูดเส้นเอ็น

เหมือนย้ำเน้นความชราที่มาเยือน

สองดวงตาพร่าเลือนเหมือนติดกับ

ในม่านเงาเทาทับคลับคลาเสมือน

สองหูอื้อยินเสียงเพียงเลือนเลือน

บนหน้าเปื้อนรอยยิ้มปริ่มตีนกา

กว่าเจ็ดทศวรรษผ่านปานความฝัน

ฟ้ายังคงฉาบตะวันเหมือนก่อนหน้า

ดาวยังคงฉายแสงแข่งจันทรา

ไฉนรอยชีวายากหยัดยืน

สุดจะยั้งรั้งฝืนให้คืนกลับ

ได้แต่พร้อมยอมรับไม่ขัดขืน

ล่องทะเลเวลาฝ่าวันคืน

ด้วยชีพชื่นสู่จุดหมายทั้งกายใจ

วันเสาร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2567

๑๑ เหตุผล 💎 ทำไมสุนทรภู่จึงยืนหนึ่งในฐานะกวีเอกเสมอมา..

ย้อนความหลังครั้งเก่าเงาอดีต

ทั้งจารีตประเพณีที่สูญหาย

อีกสีสรรพ์วรรณคดีที่ใกล้ตาย

กับลวดลายนิทานอันพราวแพรว

เพราะหนังสือโดนทัพดิสรัปชั่น

มาบีบคั้นหายเห็นเป็นแถวแถว

จึงสืบสานผ่านจอพอเป็นแนว

เชิญพี่แก้วน้องแก้วมาฟังกัน

คงจะมีคนสงสัยกันบ้างว่า ทำไมกวีเอกอย่างสุนทรภู่ถึงได้รับการยอมรับและยกย่องกันเป็นอย่างมาก ทั้งที่ไทยเรามีกวีฝีมือเยี่ยมและวรรณคดีชั้นครูอยู่มากมาย วันนี้ เราจะมาดูกันว่า กระบวนกลอนสุนทรภู่มีความโดดเด่นอย่างไร ถึงทำให้ท่านยืนหนึ่งตลอดมา…..

รื่นไหลดังสายน้ำ

งดงามด้วยลีลา

อหังการ์เปี่ยมล้น

แยบยลในการเล่า

ปลุกเร้าจินตนาการ

แตกฉานในสัมผัส

เด่นชัดในในอารมณ์

อุดมสุภาษิต

สื่อชีวิตแนบเนียน

เขียนภาษาตลาด

ปราชญ์แห่งการใช้คำ



บางที นี่อาจจะเป็นบทสรุปงานของท่านภู่หรือสุนทรภู่ที่เรารู้จักกันดีในฐานะกวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ท่านถือเป็นกวีสี่แผ่นดิน คือเกิดในสมัยรัชกาลที่ ๑ แล้วมีชีวิตอยู่ต่อมาจนถึงรัชกาลที่ ๔ ท่านเกิดและเติบโตมาในรั้ววังหลัง เพราะมีแม่เป็นข้าหลวงอยู่ในวัง ตอนที่ท่านเริ่มโตเป็นโจ๋อยู่แถววังหลังนั้น เป็นช่วงต้นรัชกาลที่ ๒ ที่ถือกันว่าเป็นยุคทองของวรรณคดีไทย เพราะสังคมเริ่มสงบ เริ่มฟื้นตัวจากพิษสงครามกับพิษสงครามกับพม่า มีการติดต่อค้าขายกับฝรั่ง แขก จีน ไทยไปทั่วกรุงสยามสมัยนั้น ท่านสุนทรภู่คงมีโอกาสคลุกคลีกับนักเดินทางและคนเรือสินค้าที่ขึ้นล่องผ่านแม่น้ำเจ้าพระยาเข้ามา ท่านจึงซึมซับความรู้เรื่องราวต่าง ๆ จากโลกภายนอกอย่างกว้างขวาง ประกอบกับในรั้ววังหลังก็คงมีการละเล่น ร้องรำทำเพลงกันเป็นประจำ เช่น เล่าขานวรรณคดี ขับเสภา เล่นกลอนสักวา การละครฟ้อนรำ บรรเลงมโหรีปี่พาทย์ สิ่งเหล่านี้ สุนทรภู่คงคุ้นเคยเป็นอย่างดี เมื่อรวมกับนิสัยรักเรียนเขียนอ่านของท่าน จึงไม่แปลกอะไรที่ท่านจะมีความรู้แตกฉานด้านการใช้ภาษาและสามารถนำออกมาใช้อย่างเชี่ยวชาญ…

ทีนี้ มาดูกันทีละข้อว่ากลอนของสุนทรภู่มีความโดดเด่นอย่างไร

วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

บทกวี >> คือกรวดเม็ดหนึ่ง

แค่กรวดเม็ดหนึ่ง
กูก็แค่กรวดเม็ดหนึ่ง
ซึ่งปริแยกแตกจากภูผา
จองจำเนิ่นผ่านกาลเวลา
ปรารถนาใดใดไป่มี

วันหนึ่งฟ้าอับดาวก็กราวก้อง
กู่ร้องฝนฟ้าอึงมี่
เพิงผาพลันพ่ายพับปฐพี
ครืนกระชากซากธุลีเกรียวกรู

กึกก้องกัมปนาทกราดเกรี้ยว
น้ำเชี่ยวโซรมซัดสาดซู่
กรวดก้อนซอนซับรับรู้
กูกระอักเกินกล้ำลำเค็ญ

ถัดถั่งท่องนทีรี่ไหล
ไปตามกระแสสินธุ์เตลิดเต้น
เกลือกกลิ้งทบท่าวหนาวเย็น
เคืองเข็ญคับแค้นแน่นใน

กูคือผู้แพ้แน่หรือ
กูล้า..รามือใช่ไหม
หรือกร้าวหรือแกร่งเกินไป
จึงน้ำโลมไล้เกลากลึง

โพสต์แนะนำ

สาระนิทาน ชุด ไม้ไทยใจดี 🍽 เรื่อง "ข.ข้าว ขาว ขาว"

เขียวเอย...เขียวพรมผืนใหญ่ ใครมาถักทอไว้ แลไกลสุดตา  เจียวเอย... ตัวฉันนั่นไง  ใบ ข้าว เขียวเขียว ยืนต้นเดี่ยวเดี่ยว  ร...