-->

วันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

บทกวี >> คืนเหงา

เห็นตำตา..ตาจึงจำ..ไว้ตำใจ.
มาเพื่อชื่นดวงดาวพร่างพราวฟ้า
มาเพื่อทอดเวลาหาเหตุผล
มาเพื่อหลบหน้าหมองของผู้คน
มาเพื่อพ้นเงาทะมื่นที่กลืนเมือง

โอ้ละหนอ..ความดีที่หล่นหาย
กลับกลืนกลายเป็นเลวเสียทุกเรื่อง
แหงนมองฟ้าฟ้าเหงาเงาเรื่อเรือง
เหมือนซ่อนเคืองอัดอั้นกับฝันร้าย

คืนวันนี้..วันนั้น..หรือวันไหน
ล้วนจัญไรเจิดแจรงไม่แหนงหน่าย
สารพัดสารภัยก็ไล่ราย
เหลือเพียงเพลงสุดท้ายจะร่ายพิษ


ยังมีไหมพรายพริ้มรอยยิ้มชื่น
มืดเหมือนคืนเดือนมืด..มืดสนิท
ยินแต่เสียงคร่ำครวญอยู่ถ้วนทิศ
นี่..ชีวิตหรือว่าซาก...ลำบากนัก

จะต้องรอรุ่งรางสักกี่รุ่ง
กว่าเรียวรุ้งจะเรืองไรให้ประจักษ์
หรือจะยอมเชือดเนื้อเพื่อเซ่นวัก
ให้หมู่ยักษ์ฆ่าเข่นเช่นเป็นมา

เพราะเดินย่ำรอยหม่นบนทางร้าว
ที่ทอดยาวสู่ถนนคนบาปหนา
มองหลังคนขมขื่นคือผืนนา
เห็นตำตา..ตาจึงจำ..ไว้ตำใจ.
เห็นตำตา..ตาจึงจำ..ไว้ตำใจ.


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

โพสต์แนะนำ

สาระนิทาน ชุด ไม้ไทยใจดี 🍽 เรื่อง "ข.ข้าว ขาว ขาว"

เขียวเอย...เขียวพรมผืนใหญ่ ใครมาถักทอไว้ แลไกลสุดตา  เจียวเอย... ตัวฉันนั่นไง  ใบ ข้าว เขียวเขียว ยืนต้นเดี่ยวเดี่ยว  ร...