มาเพื่อชื่นดวงดาวพร่างพราวฟ้า
มาเพื่อทอดเวลาหาเหตุผล
มาเพื่อหลบหน้าหมองของผู้คน
มาเพื่อพ้นเงาทะมื่นที่กลืนเมือง
โอ้ละหนอ..ความดีที่หล่นหาย
กลับกลืนกลายเป็นเลวเสียทุกเรื่อง
แหงนมองฟ้าฟ้าเหงาเงาเรื่อเรือง
เหมือนซ่อนเคืองอัดอั้นกับฝันร้าย
คืนวันนี้..วันนั้น..หรือวันไหน
ล้วนจัญไรเจิดแจรงไม่แหนงหน่าย
สารพัดสารภัยก็ไล่ราย
เหลือเพียงเพลงสุดท้ายจะร่ายพิษ
ยังมีไหมพรายพริ้มรอยยิ้มชื่น
มืดเหมือนคืนเดือนมืด..มืดสนิท
ยินแต่เสียงคร่ำครวญอยู่ถ้วนทิศ
นี่..ชีวิตหรือว่าซาก...ลำบากนัก
จะต้องรอรุ่งรางสักกี่รุ่ง
กว่าเรียวรุ้งจะเรืองไรให้ประจักษ์
หรือจะยอมเชือดเนื้อเพื่อเซ่นวัก
ให้หมู่ยักษ์ฆ่าเข่นเช่นเป็นมา
เพราะเดินย่ำรอยหม่นบนทางร้าว
ที่ทอดยาวสู่ถนนคนบาปหนา
มองหลังคนขมขื่นคือผืนนา
เห็นตำตา..ตาจึงจำ..ไว้ตำใจ.
เห็นตำตา..ตาจึงจำ..ไว้ตำใจ.
เห็นตำตา..ตาจึงจำ..ไว้ตำใจ.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น