-->

วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2563

๑๑ เหตุผล💎 ทำไมสุนทรภู่จึงยืนหนึ่งในฐานะกวีเอกเสมอมา..

BookAbout  สุนทรภู่ ครูกวี ThaiPoet

ย้อนความหลังครั้งเก่าเงาอดีต ทั้งจารีตประเพณีที่สูญหาย

อีกสีสรรพ์วรรณคดีที่พริ้งพราย กับลวดลายนิทานเนิ่นนานมา

เพราะหนังสือถูกทัพดิสรัปชั่น มาห้ำหั่นจนสูญหายไปต่อหน้า

จึงสืบสานพอให้รู้ผ่านหูตา ตามประสาคนเก่า..อยากเล่าให้ฟัง...


คงจะมีคนสงสัยกันบ้างว่า ทำไมกวีเอกอย่างสุนทรภู่ถึงได้รับการยอมรับและยกย่องกันเป็นอย่างมาก ทั้งที่ไทยเรามีกวีฝีมือเยี่ยมและวรรณคดีชั้นครูอยู่มากมาย  วันนี้ เราจะมาดูกันว่า กระบวนกลอนสุนทรภู่มีความโดดเด่นอย่างไร ถึงทำให้ท่านยืนหนึ่งตลอดมา…..


รื่นไหลดังสายน้ำ

งดงามด้วยลีลา

อหังการ์เปี่ยมล้น

แยบยลในการเล่า

ปลุกเร้าจินตนาการ

แตกฉานในสัมผัส

เด่นชัดในในอารมณ์

อุดมสุภาษิต

สื่อชีวิตแนบเนียน

เขียนภาษาตลาด

ปราชญ์แห่งการใช้คำ

"สุนทรภู่"  SoonthornPoo Thai Great Poet


บางที นี่อาจจะเป็นบทสรุปงานของท่านภู่หรือสุนทรภู่ที่เรารู้จักกันดีในฐานะกวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ท่านถือเป็นกวีสี่แผ่นดิน คือเกิดในสมัยรัชกาลที่ ๑ แล้วมีชีวิตอยู่ต่อมาจนถึงรัชกาลที่ ๔  ท่านเกิดและเติบโตมาในรั้ววังหลัง เพราะมีแม่เป็นข้าหลวงอยู่ในวัง  ตอนที่ท่านเริ่มโตเป็นโจ๋อยู่แถววังหลังนั้น เป็นช่วงต้นรัชกาลที่ ๒ ที่ถือกันว่าเป็นยุคทองของวรรณคดีไทย  เพราะสังคมเริ่มสงบ เริ่มฟื้นตัวจากพิษสงครามกับพม่า   มีการติดต่อค้าขายกับฝรั่ง แขก จีน ไทยไปทั่วกรุงสยามสมัยนั้น  ท่านสุนทรภู่คงมีโอกาสคลุกคลีกับนักเดินทางและคนเรือสินค้าที่ขึ้นล่องผ่านแม่น้ำเจ้าพระยาเข้ามา ท่านจึงซึมซับความรู้เรื่องราวต่าง ๆ จากโลกภายนอกอย่างกว้างขวาง  ประกอบกับในรั้ววังหลังก็คงมีการละเล่น ร้องรำทำเพลงกันเป็นประจำ เช่น เล่าขานวรรณคดี ขับเสภา เล่นกลอนสักวา การละครฟ้อนรำ  บรรเลงมโหรีปี่พาทย์ สิ่งเหล่านี้ สุนทรภู่คงคุ้นเคยเป็นอย่างดี  เมื่อรวมกับนิสัยรักเรียนเขียนอ่านของท่าน  จึงไม่แปลกอะไรที่ท่านจะมีความรู้แตกฉานด้านการใช้ภาษาและสามารถนำออกมาใช้อย่างเชี่ยวชาญ…


ทีนี้ มาดูกันทีละข้อว่ากลอนของสุนทรภู่มีความโดดเด่นอย่างไร


ข้อแรก รื่นไหลดังสายน้ำ…

https://planetpt.blogspot.com/ลองนึกดูสิครับ มีกวีไทยคนไหนที่สามารถบรรเลงเพลงกวีได้มากมาย เป็นเรื่องเป็นราวยาวยืดได้อย่างสุนทรภู่บ้าง ยกตัวอย่างแค่พระอภัยมณีเรื่องเดียวก็พอ  นิทานคำกลอนเรื่องนี้ เป็นกวีนิพนธ์ที่ทุกคนต่างยอมรับกันว่า มีความสนุกสนานพิสดารพันลึก  แถมภาษาที่ใช้ในการเขียนของท่านก็ไพเราะ หมดจด งดงามเปี่ยมไปด้วยสุนทรียศิลป์อย่างหาตัวจับยาก  ยิ่งไปกว่านั้น ยังเขียนได้ยาวยืด ชนิดที่ทำใ้หแฮรี่ พ็อตเตอร์หรือลอร์ดออฟเดอะริงส์ที่ีว่ายาว ๆ  ต้องชิดซ้ายไปเลย คือยาวถึง 64 ตอนหรือประมาณ 94 เล่มสมุดไทย ยาวแบบนี้มีแต่มหาภารตะยุทธ์ของอินเดียกับเพชรพระอุมาเท่านั้นแหละครับ ที่ยาวพอฟัดพอเหวี่ยงกัน  แล้วอย่างนี้ จะไม่เรียกว่าจินตนาการรื่นไหลไหลดั่งสายน้ำ ได้อย่างไร


ข้อ ๒ ….

งดงามด้วยลีลา… 

สุนทรภู่ถือเป็นกวีคนแรกที่สามารถดึงเอาศิลปะการประพันธ์วรรณคดีชั้นสูงมาปรับแต่งเพื่อใช้ในการเล่าเรื่อง เล่านิทานจนกลายเป็นเรื่องฮอตฮิตติดปากสำหรับชาวบ้านทั่วไป ท่านเป็นผู้ปฏิวัติวงการที่แต่ไหนแต่ไรมา กวีมักใช้โคลง ฉันท์ หรือกาพย์ มาเล่าเรื่องซึ่งอ่านยาก ฟังยาก เข้าใจยาก  พอมาถึงยุคสุนทรภู่ ท่านก็จัดการปรับเปลี่ยนวิธีการนำเสนอเสียใหม่เป็นกลอนสุภาพหรือกลอนตลาดมาขับลำบรรเลง  ทำให้บรรยากาศในการเล่าและการฟังเป็นไปอย่างชิลล์ ๆ สบาย ๆ ไม่เครียดขรึม เด็ดไปกว่านั้น คำกลอนที่ขับออกมายังไพเราะ ชวนฟัง เพราะมีสัมผัสใน ที่ท่านเป็นผู้ริเริ่มขึ้น คอยร้อยรัดท่วงทำนองการขับเป็นจังหวะ 3..2..3 เป็นหลัก หรืออาจจะมี 2..2..3 หรือ 3..3..3 ปนอยู่บ้างก็บางที  เวลาขับออกมาเป็นเพลงกลอนหรือเสภาในทำนองเสนาะจึงไพเราะนัก  ฟังรื่นหู ดูไม่ขัดเขิน เพลินกันไปทั้งผู้ชมและผู้ฟัง

 

สงัดเงียบเยียบเย็นยะเยือกอก   น้ำตาตกหยดเหยาะลงเผาะผอย

พฤกษาสูงยูงยางสล้างลอย     ดูชดช้อยชื่นชุ่มชอุ่มใบ


มาถึงข้อที่ ๓  อหังการ์เปี่ยมล้นสุนทรภู่เป็นคนประเภทที่ ฆ่าได้ หยาไม่ได้ ถือว่าตนก็เป็นคนมีของคนหนึ่ง  เป็นคนมีดีที่จะอวจึงอวดดีได้แบบไม่ค่อยแคร์ใคร


สุนทรภู่เป็นคนประเภทที่ ฆ่าได้ หยามไม่ได้ ถือว่าตนก็เป็นคนมีของคนหนึ่ง  เป็นคนมีดีที่จะอวด จึงอวดดีได้แบบไม่ค่อยแคร์ใคร


       อย่างหม่อมฉัน อันที่ ดีและชั่ว

ถีงลับตัว แต่ก็ชื่อ เขาลือฉาว

เป็นอาลักษณ์ นักเลง ทำเพลงยาว

เขมรลาว ลือเลื่อง ถึงเมืองนคร

 

https://planetpt.blogspot.com/สมัยรัชกาลที่สองนั้น ถือเป็นยุคทองของกวี มีทั้งกวีจริง กวีเทียมเดินกันเกลื่อนไปหมด  เฉพาะที่เรารู้จักกันดี ก็มีพระยาตรังผู้เขียนโคลงนิราศพระยาตรัง นายนรินทร์ธิเบศน์หรือนรินทร์อิน ผู้เขียนนิราศนรินทร์อันโด่งดังรวมทั้งตัวล้นเกล้ารัชกาลที่ 2 หรือแม้แต่รัชกาลที่สามก็ทรงได้ชื่อว่าเป็นกวีมากฝีมือพระองค์หนึ่ง  บุคคลเหล่านี้ พอว่างจากงานราชกิจหรือเจอกันนอกรอบ นอกรั้ววัง ก็มักจะตีฝีปาก ประลองคารมกันตามแนวถนัดของตัวเองเสมอ  มีอยู่ครั้งหนึ่ง สุนทรภู่โดนดีถึงขนาดดูหมิ่นซึ่งหน้า ว่า คนอย่างสุนทรภู่ ก็ได้แค่แต่งนิทานอ่านกลอนหลอกเด็ก หลอกเงินชาวบ้านไปวันวันเท่านั้นแหละ  แน่จริงลองแต่งอย่างอืนดูมั่งสิ พอสุนทรภู่ได้ยินอย่างนั้นเข้า ก็ของขึ้นทันที สวนเลยเดี๋ยวนั้น

       

       เฉน็งไอจึ่งเว้า  วู่กา

รูกับกาวเมิงแต่ยา   มู่ไร้

ปิดเซ็นจะมูซ่า         เคราทู่

เดะพ่อเตี๋ยวหิ้นได้   มอดม้วยมังระนอ


      แปลไทยเป็นไทยแบบไม่ผวน ได้ว่า

   ไฉนเอ็งจึ่งเว่า ว่ากู

เป็นศิษย์จะมาสู้  ครูเฒ่า

เดี๋ยวพ่อเตะให้ดิ้น  มอดม้วยมรณัง


   
  ไม่รู้คนแซวคือตัวนายนรินทร์อินทร์เองหรือเปล่า ไม่รู้คนแซวคือตัวนายนรินทร์อินทร์เองหรือเปล่า  แต่ที่รู้กันแน่ ๆ ก็คือผลของการถูกดูหมิ่นซึ่งหน้าในครั้งนั้น นอกจากจะทำให้คนแซวจะหงายเงิบไปแล้ว ยังทำให้เกิดวรรณคดีชั้นดีฝีมือท่านภู่ในเวลาต่อมาอีก 2 เล่ม คือ กาพย์พระไชยสุริยาและโคลงนิราศสุพรรณซึ่งเป็นงานประพันธ์ที่แปลกแตกต่างจากงานถนัดของสุนทรภู่โดยสิ้นเชิง

ถึ

แยบยลในการเล่า…


    เจ้าของตาล รักหวาน ขึ้นปีนต้น   ระวังตนตีนมือระมัดมั่น

เหมือนคบคน คำหวาน รำคาญครัน      ถ้าพลั้งพลัน เจ็บอก เหมือนตกตาล


    อุบายในการเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ของสุนทรภู่ที่โดดเด่นเป็นพิเศษอย่างหนึ่งก็คือ จะไม่บรรยายหรือเล่าเรื่องอย่างตรงไปตรงมา แต่มักจะซ่อนความหมายในเชิงเปรียบเทียบ เปรียบเปรยสิ่งที่เห็นหรือสิ่งที่พบผ่านตรงหน้ากับความคิดในใจเสมอ  อย่างความในนิราศพระบาทตอนนี้ เป็นความรู้สึกสะท้อนใจเมื่อพายเรือผ่านไปเห็นคนกำลังปีนต้นตาล  นอกจากคิดถึงความหวานของน้ำตาล ใจยังไพล่ไปนึกถึงคนบางคนที่ปากหวาน ปากบอกเราจะทำตามสัญญาแต่ก็ไม่เคยทำซักที เบี่ยงโน่นโยนนี่ไปเรื่อยเปื่อย


ปลุกเร้าจินตนาการ….

ข้อนี้แทบไม่ต้องสาธยาย เรื่องราว ตัวละครและข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่ปรากฎในเรื่องพระอภัยมณีนั้น เหมือนผุดมาจากนิยายวิทยาศาสตร์หรือนิยายแฟนตาซีชั้นดียังไงยังงั้น  ไล่เรียงไปตั้งแต่ ชีเปลือย..นางเงือก...ผีเสื้อสมุทร..สินสมุทร..สุดสาคร...ม้านิลมังกร..หีบเสียง..เรือโจรสุหรั่ง ล้วนเป็นเรื่องเหนือจินตนาการและหลายเรื่องก็เกิดก่อนกาล  ก่อนที่จะเกิดเป็นจริงขึ้นมาในภายหลัง  อย่างเช่นเรือโจรสุหรั่งที่ใหญ่โตมโหฬารมีตึกรามบ้านช่อง สวนผลไม้และสัตว์เลี้ยงอย่างพร้อมพรั่งชนิดจัดเต็ม


 เรือกำปั่นนั้นยาวยี่สิบเส้น กระทำเป็นตึกกว้านสถานถิ่น

หมากมะพร้าวส้มสูกปลูกไว้กิน ไม่รู้สิ้นเอมโอชโภชนา

เลี้ยงทั้งแพะแกะไก่สุกรห่าน คชสารม้ามิ่งมหิงสา

มีกำปั่นห้าร้อยลอยล้อมมา เครื่องศัสตราสำหรับรบครบทุกลำ


นี่น่าจะเป็นที่มาของเรือสำราญหรือเรือเดินสมุทรหรือแม้แต่เรือบรรทุกเครื่องบินสมัยนี้ ก็เป็นได้

สุนทรภู่ พระอภัยมณี https://planetpt.blogspot.com/


แตกฉานในสัมผัส….

กระบวนกลอนสุนทรภู่นั้น จัดว่ามากันครบทั้งสัมผัสเสียง สัมผัสคำ  สัมผัสนอก สัมผัสใน สุดแท้แต่จะเลือกใช้คำในอารมณ์ไหน ลองฟังกลอนที่ท่านเขียนในนิราศอิเหนาดู

     

ทุกเงื้อมเขาเหงาเงียบเชียบสงัด   ใบไม้กวัดแกว่งกิ่งประวิงไหว

ยะเยือกเย็นเส้นหญ้านภาลัย    ยิ่งเยือกในทรวงช้ำระยำเย็น


จะเห็นว่าทั้งเสียงทั้งคำมีสัมผัสแพรวพราวไปหมด

ทีนี้ มาดูอารมณ์สนุกของท่านบ้าง


ละครหยุด อุตลุด ดูมวยปล้ำ   ยืนประจำ หมายสู้ เป็นคู่ขัน

มงคลใส่ สวมหัว ไม่กลัวกัน  ตั้งประจัญ จดจับ ขยับมือ

ตีเข่าปับ รับโปก สองมือปิด  ประกบติด เตะผาง ขว้างหมัดหวือ

กระหวัดหวิด หวิวผวา คนฮาฮือ   คนดูอื้อ เอาเอา สนั่นอึง


ความเชี่ยวชาญของท่านในการใช้สัมผัสต่าง  ๆ ได้อย่างเหมาะสม ถูกที่ ถูกเวลา จึงนำมาสู่สิ่งสำคัญที่สุดของการเขียนกลอนคือ สัมผัสใจ


เด่นชัดในอารมณ์

    คมภาษาในเชิงวรรณศิลป์ของสุนทรภู่เ ป็นอาวุธสำคัญที่ทำให้ท่านสามารถถ่ายทอดสะท้อนอารมณ์ต่าง ๆ ที่ต้องการจะพรรณนาได้อย่างแจ่มชัดจัดเจน โดยปกติ สุนทรียรสในวรรณคดีไทยจะแบ่งออกเป็น 4 กระบวนด้วยกันคือ ชมโฉม  ประโลมสาว  โกรธจัด  และตัดพ้อ หรือพูดเป็นบาลีว่า เสาวรจนีย์  นารีปราโมทย์ พิโรธธะวาทัง  สัลละปังคพิไสย  มาดูกันว่า สุนทรภู่สะท้อนอารมณ์ต่าง ๆ ของท่าน ออกมาอย่างไร


ในเพลงปี่ ว่าสาม พี่พราหมณ์เอ๋ย

ยังไม่เคย ชมชิด พิศมัย

ถึงร้อยรส บุปผา สุมาลัย

จะชื่นใจ เหมือนสตรี ไม่มีเลย


เริ่มด้วยบทเสาวรจนี ชมความดีงามยามปิ๊งสาว


ถึงม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร 

ไม่สิ้นสุดความรักสมัครสมาน 

แม้นเกิดในใต้ฟ้าสุธาธาร 

ขอพบพานพิศวาสไม่คลาดคลา 

https://planetpt.blogspot.com/แม้นเนื้อเย็นเป็นห้วงมหรรณพ 

พี่ขอพบศรีสวัสดิ์เป็นมัจฉา 

แม้นเป็นบัวตัวพี่เป็นภุมรา 

เชยผกาโกสุมปทุมทอง 

เจ้าเป็นถ้ำอำไพขอให้พี่ 

เป็นราชสีห์สมสู่เป็นคู่สอง 

จะติดตามทรามสงวนนวลละออง 

เป็นคู่ครองพิศวาสทุกชาติไป




แต่พอได้แอ้มแล้วก็เกิดคดีไปมีกิ๊กบ้านเล็กบ้านน้อย จนบ้านใหญ๋โกรธ….


https://planetpt.blogspot.com/


แล้วชี้หน้าด่าอึงหึงนางเงือก

ทำซบเสือกสอพลออีตอแหล

เห็นผัวรักยักคอทำท้อแท้

พ่อกับแม่มึงเข้าไปอยู่ในท้อง

ทำปั้นเจ๋อเย่อหยิ่งมาชิงผัว

ระวังตัวให้ดีอีจองหอง

พลางเข่นเขี้ยวเคี้ยวกรามคำรามร้อง

เสียงกึกก้องโกลาลูกตาโพลง


ความตอนนี้ ไม่เกี่ยวกับบ้านใหญ่หรือบ้านเล็กบ้านน้อยนะครับ  แต่เป็นตอนนางยักษ์ผีเสื้อสมุทรโกรธสุดขีดที่พระอภัยมณีหนีมาอยู่กับนางเงือกโดยฤษีเจ้าของถ้ำตกเป็นจำเลยร่วมฐานมีส่วนรู้เห็นให้ที่พักพิง  


พอเกิดปัญหาเพราะเกิดตัณหาขึ้นมา  ทำเอาเธอต้องจากไปทั้งทั้งที่ยังรัก ก็โศกเศร้าเสียดายคนรักเก่าเพราะเขาทิ้งไป ตอนนี้เป็นบทสัลลาปังคพิไสยหรือบทนายครวญ…

    

ถึงทุกข์ใครในโลกที่โศกเศร้า   ไม่เหมือนเราภุมรินถวิลหา

จะพลัดพรากจากกันไม่ทันลา   ใช้แต่ตาต่างถ้อยสุนทรวอน 


สองท่อนนี้เป็นบทคิดถึงคนรักเก่า

  

คราวนี้มาถึงบทคิดถึงเจ้านายเก่ากันบ้าง

 

ถึงหน้าวังดังหนึ่งใจจะขาด

คิดถึงบาทบพิตรอดิศร

โอ้ผ่านเกล้าเจ้าประคุณของสุนทร

แต่ปางก่อนเคยเฝ้าทุกเช้าเย็น

พระนิพพานปานประหนึ่งศีรษะขาด

ด้วยไร้ญาติยากแค้นถึงแสนเข็ญ

ทั้งโรคซ้ำกรรมซัดวิบัติเป็น

ไม่เล็งเห็นที่ซึ่งจะพึ่งพา


บทนายครวญของสุนทรภู่ที่กู่ตะโกนออกสื่อยังมีอีกมากครับ ใครสนใจลองไปหา รำพันพิลาป มาลองอ่านกันดู


อุดมสุภาษิต…. 

จากโคบุตร นิทานคำกลอนเรื่องแรกของท่าน

อันมนุษย์ สุดจะเชื่อ มันเหลือปด            พูดสบถ แล้วสะบัด ไม่ขัดสน

 เพราะแต่คำ น้ำจิต คิดประจญ             ปากเป็นผล ใจเป็นพาล เหลือมารยา

ใครหลงลิ้น กินลูกยอ ก็พอม้วย             ต้องตายด้วย ปากมนุษย์ ที่มุสา

คนทุกวัน มันมิซื่อ ถือสัจจา                  สู้สัตว์ป่า ก็ไม่ได้ ใจลำพองฯ 

จากเพลงยาวถวายโอวาท


อันความคิดวิทยาเหมือนอาวุธ

ประเสริฐสุดซ่อนไว้เสียในฝัก

สงวนคมสมนึกใครฮึกฮัก

จึงค่อยชักเชือดฟันให้บรรลัย

จากนิราศภูเขาทอง

ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์            มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต

 แม้พูดชั่วตัวตายทำลายมิตร                   จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจาฯ

ถึงบางเดื่อโอ้มะเดื่อเหลือประหลาด   บังเกิดชาติแมลงหวี่มีในไส้

 เหมือนคนพาลหวานนอกย่อมขมใน         อุปไมยเหมือนมะเดื่อเหลือระอา

ยกมาพอเป็นตัวอย่างครับ ยังมีอีกเยอะ… 

สื่อชีวิตแนบเนียน…

ทางเดินชีวิตของสุนทรภู่นั้นถ้าจะเปรียบกับคำพระก็คงเหมือนกับคำที่ว่ามาสว่างแล้วไปมืด จากนั้นก็กลับมาสว่างอีกครั้งในบั้นปลายชีวิต   สุนทรภู่ในวัยหนุ่ม น่าจะใช้ชีวิตโลดโผนไม่น้อย ความเป็นคนในวังและนิสัยเจ้าบทเจ้ากลอนของท่าน คงทำให้สุนทรภู่ใช้ชีวิตแบบศิลปินเจ้าเสน่ห์ได้อย่างสะดวกสบาย มีเสภาปาร์ตี้ผสมน้ำเมาบ้างบางโอกาส  แต่ก็คงไม่ถึงกับเป็นกวีขี้เมาหรืออาลักษณ์ขี้เมาอย่างที่เขาว่ากัน  ไม่เช่นนั้น คงไม่อาจคิดและเขียนจนสร้างผลงานมาประดับโลกได้มากมายขนาดนี้

 

 ชีวิตของสุนทรภู่เริ่มผกผันเมื่อบังอาจไปริรักแม่จัน สาวข้าหลวงในกรมพระราชวังหลังเข้า อาศัยคติที่ว่า คารมเป็นต่อ รูปหล่อเป็นรอง ที่สุดแม่จันก็ยอมรับรัก   แต่กรมพระราชวังไม่เออออด้วย กลับทรงกริ้วถึงขนาดสั่งมหาดเล็กให้นำตัวทั้งสองไปจำคุก  โชคยังดีที่ไม่ต้องติดนานเพราะบังเอิญเจ้านายไปเฝ้าพระอินทร์เสียก่อนหลังจากสั่งลงโทษได้ไม่นานนัก


https://planetpt.blogspot.com/ ชีวิตคู่ผัวตัวเมียของสุนทรภู่กับแม่จันทน์มาเริ่มขึ้นอย่างจริง ๆ จัง ๆ เมื่อพระอัครชายาของกรมพระราชวังหลังประทานแม่จันให้เนื่องจากเห็นใจในรักจริงของคนทั้งสอง  แต่พอใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันจริง ๆ ทั้งสองกลับพบว่าเคมีไม่ต้องตรงกันเลย เพราะแม่จันเป็นคนขี้หึง ขี้วีนขนาดหนัก ส่วนสุนทรภู่ก็เป็นผู้ชายประเภทพันธุ์ไม้เลื้อย อยู่ใกล้ใครก็คอยหว่านเสน่ห์ไปทั่ว ที่สุดจึงต้องเลิกร้างกันไปเพราะมีเรื่องระหองระแหงกันไม่รู้จักหยุดจักหย่อน

แม่จันคนนี้ แม้ต่อมาสุนทรภู่จะได้ภรรยาใหม่อีกสองคือแม่นิ่มและแม่ม่วง รวมทั้งภรรยารายทางและภรรยาโดยบังเอิญอีกหลายคน  แต่เธอก็ยังคงเป็นหญิงในดวงใจ คนที่ท่านรักและพูดถึงมากที่สุดอยู่ดี...

 

เห็นจันทน์สุก ลูกเหลือง ตลบกลิ่น         

แมงภู่บิน ร่อนร้อง ประคองหวง

พฤกษาพ้อง ต้องนาม กานดาดวง               

พี่ยลพวง ผลจันทน์ ให้หวั่นใจ

แมงภู่เชย เหมือนพี่เคย ประคองชิด            

นิ่งพินิจ นึกหน้า น้ำตาไหล

เห็นรักร่วง ผลิผลัด สลัดใบ                       

เหมือนรักใจ ขวัญเมือง ที่เคืองเรา


ติดเรทR นิด ๆ แต่ก็พอนึกภาพออกนะครับ…


เขียนภาษาตลาด...

     ถ้าจะเปรียบกับงานดนตรี  งานของท่านสุนทรภู่คงจัดอยู่ในประเภท เพลง     อัลเทอร์เนทีฟ ป็อบหรือแจ๊สมากกว่าเพลงคลาสสิคที่มีระเบียบ แบบแผนแน่นอนตายตัว  งานของท่านภูดูมีความสุด ใหม่ แปลกต่างอย่างที่คนสมัยนั้น ไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน  เพลงกลอนของท่านฟังง่าย เข้าใจง่าย เพราะมักใช้ภาษาที่ชาวบ้านคนเดินดินใช้พูดกันในชีวิตประจำวันเป็นปกติในการเดินกลอน …

 

ถึงบางซื่อชื่อบางนี้สุจริต   เหมือนซื่อจิตที่พี่ตรงจำนงสมร

มิตรจิตขอให้มิตรใจจร   ใจสมรขอให้ซื่อเหมือนชื่อบาง 

ถึงบางซ่อนเหมือนเขาซ่อนสมรพี่   ซ่อนไว้นี่ดอกกระมังเห็นกว้างขวาง

เจ้าเยี่ยมหน้า ออกมาหา พี่หน่อยนาง   จะลาร้างแรมไกลเจ้าไปแล้ว

 

ปราชญ์แห่งการใช้คำ.

เสน่ห์ของภาษาไทยที่ถือเป็นมรดกความงามทางวัฒนธรรมอันน่าภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งของคนไทยเรา คือความเป็นภาษาศิลป์ที่มีสุนทรียะผ่านทางของเสียงสูงต่ำของวรรณยุกต์ จังหวะสั้นยาวของสระ ตลอดจนน้ำหนักหรือความหนักเบาของครุ-ลหุ อันทำให้สามารถออกเสียงสั้นยาวหรือเสียงสูง ๆ ต่ำ ๆ คล้ายท่วงทำนองดนตรีได้อย่างเป็นธรรมชาติ จึงช่วยในการสื่อสาร สื่อเสียงและสื่ออารมณ์ต่าง ๆ ได้ง่ายและมากมายในเชิงวรรณศิลป์  สุนทรภู่ผู้ผ่านการศึกษาเล่าเรียนหนังสือไทย และวิชาการต่างๆ ในสำนักพระภิกษุที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่เด็ก ผ่านชีวิตในพระราชวังหลัง ได้ซึมซับ ความงามและความโดดเด่นของภาษาไทยมานาน จึงไม่แปลกอะไรที่ท่านจะมีความรู้แตกฉานด้านการใช้ภาษาและสามารถนำออกมาใช้อย่างเชี่ยวชาญ…

https://planetpt.blogspot.com/


พี่เพลินฟังวังเวงเพลงดนตรี                       

เหมือนจะมีศุภลักษณ์ช่วยชักจูง

เจ้าเป็นใหญ่ในสุรางค์นางสนม               

ทั้งพงศ์พรหมพราหมณ์พรุณตระกูลสูง

ย่อมพราวแพรวแววหางเหมือนอย่างยูง                  

งามกว่าฝูงวิหคาบรรดามี

อีกบทที่หลายคนคงคุ้นเคยกันดี…

 ไม่นุ่งผ้าคากรองครองหนังเสือ

ประหลาดเหลือโล่งโต้งโม่งโค่งขัน

น่าเหียนรากปากมีแต่ขี้ฟัน

กรนสนั่นนอนร้ายเหมือนป่ายปีน

ประหลาดใจใยหนอไม่นุ่งผ้า

จะเป็นบ้าไปหรือว่าถือศีล

หนวดถึงเข่าเคราถึงนมผมถึงตีน

ฝรั่งจีนแขกไทยก็ใช่ที

 

เสียงอูงและเสียงอีนที่ใช้  มีอยู่ในภาษาไทยมีอยู่เพียง สี่คำเท่านั้น  สุนทรภู่ท่านนำมาใช้หมด

แต่เดี๋ยวก่อน ยัง..ยังไม่พอ..  ความเป็นเซียนภาษาของท่านนั้นยังปรากฎให้เห็นอีกมาก โดยเฉพาะเรื่องการใช้คำตายและสระเสียงสั้นมาเดินกลอน

ซึ่งครั้งนี้พี่พาเจ้ามาไว้ 

หวังจะได้สนทนาวิสาสะ 

ให้น้องหายคลายเคืองเรื่องธุระ  

แล้วก็จะรักกันจนวันตาย

จากตอนหวังแอ้มนางละเวงในพระอภัยมณี

จากนิราศเมืองเพชร...

เสียงกรอดเกรียดเขียดกบเข้าขบเขี้ยว  

เหมือนกรับเกรี้ยวกรอดกรีดวะหวีดเสียง

หริ่งหริ่งแร่แม่ม่ายลองไนเรียง               

แซ่สำเนียงหนาวในใจรัญจวน


และอีกตอนหนึ่ง


ทั้งยุงชุมรุมกัดปัดเปรียะประ  

เสียงผัวะผะพึ่บพั่บปุบปับแปะ

ที่เข็นเรียงเคียงลำขยำแขยะ          

มันเกาะแกะกันจริงจริงหญิงกับชาย


อัจฉริยะในเชิงวรรณศิลป์ของมหากวีสุนทรภู่ มีให้เล่ากันได้ไม่รู้จบ  แต่สำหรับวันนี้ เห็นจะพอแค่นี้ก่อน ขอบคุณสำหรับการติดตาม สวัสดีครับ….










ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

โพสต์แนะนำ

สาระนิทาน ชุด ไม้ไทยใจดี 🍽 เรื่อง "ข.ข้าว ขาว ขาว"

เขียวเอย...เขียวพรมผืนใหญ่ ใครมาถักทอไว้ แลไกลสุดตา  เจียวเอย... ตัวฉันนั่นไง  ใบ ข้าว เขียวเขียว ยืนต้นเดี่ยวเดี่ยว  ร...