-->

วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2556

บทกวี >> วิหคแห่งใจ

บทกวี >> วิหคแห่งใจ

เพราะความจริงไม่เหมือนกับนิยาย
และไม่คล้ายดังละคอนย้อนบทเก่า
จึงหวาดไหวใจสะท้านอยู่นานเนา
กับเงื้อมเงาวิปโยคและโชคร้าย

เราเดินมาไกลมากจากจุดเริ่ม
แปลบหัวใจดวงเดิมแสนเหน็ดหน่าย
เห็นแต่ความย่อยยับปนอับอาย
กับความล่มแหลกสลายของบ้านเมือง

บางทีการผ่านพ้นจึงค้นพบ
ภาพผู้คนยอมสยบราวสัตว์เชื่อง
ไม่ขัดขวาง ไม่ว้าวุ่น ไม่ขุ่นเคือง
นิ่งมันเสียทุกเรื่องเซื่องเซื่องไป

หยั่งรากลึกในอากาศเฝ้าวาดหวัง
คงสักครั้งรพิพรรณฉายวันใหม่
ระบายรุ่งรุ้งสวยช่วยอวยชัย
ขจัดภัยพ่ายแพ้แก่แผ่นดิน

การเดินทางกลางเถื่อนเหมือนไม่จบ
จึงพานพบเพียงคมลมบาดหิน
ไร้ความหมายไร้ค่าไร้ราคิน
ลมหายใจรวยรินเหมือนสิ้นแรง

วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2556

สารคดีสำหรับเด็ก เรื่อง พระอาทิตย์แสนดี


สารคดีเด็ก : พระอาทิตย์แสนดี  💓 👀
นิทานหน้าจอ  พระอาทิตย์แสนดี

สารคดีเด็ก (๑) พระอาทิตย์..แสนดี

เราทุกคนต่างมีพ่อมีแม่
สัตว์ทุกตัว ต้นไม้ทุกต้น
ต่างก็มีพ่อ มีแม่เหมือนกับเรา
พ่อแม่ คือผู้ที่ทำให้เราเกิดมา
ท่านเลี้ยงดูเรา ให้ความอบอุ่นแก่เรา
แม้แต่โลกที่เราอยู่อาศัยก็มีพ่อแม่
พ่อแม่ของโลกคือ พระอาทิตย์

นิทานหน้าจอ พระอาทิตย์แสนดีทุกทุกเช้า...
พระอาทิตย์จะนำความร้อนและแสงสว่างมาปลุกโลก
ปลุกต้นไม้ให้คลี่ใบบานออกรับแสง
ปลุกฝูงนกกาให้บินออกจากรังไปหากิน
คนและสัตว์ต่างก็พากันตื่นจากหลับ
พระอาทิตย์จะนำความร้อนและแสงสว่างมาปลุกโลก

ทุกชีวิตบนโลกต่างต้องพึ่งพาแสงอาทิตย์
หรือแสงแดดเพื่อการมีชีวิตอยู่ทั้งนั้น


ต้นไม้ต้องการแสงแดดในการสร้างอาหารเลี้ยงตัวเองให้เจริญเติบโต
ก่อนที่จะถูกสัตว์กินพืชกัดกินเป็นอาหารอีกที
แล้วสัตว์กินพืชก็กลายเป็นอาหารของสัตว์กินเนื้อและคนเราอีกต่อหนึ่ง
ทุกชีวิตบนโลกต่างต้องพึ่งพาแสงอาทิตย์ หรือแสงแดดเพื่อการมีชีวิตอยู่ทั้งนั้น
น้ำเค็มในทะเลและมหาสมุทร
ก็ต้องการความร้อนจากดวงอาทิตย์
เพื่อทำให้ตัวเองกลายเป็นน้ำจืด

วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

บทกวี >> คือกรวดเม็ดหนึ่ง

แค่กรวดเม็ดหนึ่ง
กูก็แค่กรวดเม็ดหนึ่ง
ซึ่งปริแยกแตกจากภูผา
จองจำเนิ่นผ่านกาลเวลา
ปรารถนาใดใดไป่มี

วันหนึ่งฟ้าอับดาวก็กราวก้อง
กู่ร้องฝนฟ้าอึงมี่
เพิงผาพลันพ่ายพับปฐพี
ครืนกระชากซากธุลีเกรียวกรู

กึกก้องกัมปนาทกราดเกรี้ยว
น้ำเชี่ยวโซรมซัดสาดซู่
กรวดก้อนซอนซับรับรู้
กูกระอักเกินกล้ำลำเค็ญ

ถัดถั่งท่องนทีรี่ไหล
ไปตามกระแสสินธุ์เตลิดเต้น
เกลือกกลิ้งทบท่าวหนาวเย็น
เคืองเข็ญคับแค้นแน่นใน

กูคือผู้แพ้แน่หรือ
กูล้า..รามือใช่ไหม
หรือกร้าวหรือแกร่งเกินไป
จึงน้ำโลมไล้เกลากลึง

วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

บทกวี >> รัฐธรรมนูญฉบับ..ตูเอง

รัฐธรรมนูญฉบับ..ตูเอง
มาตราหนึ่ง..ประเทศไทยมิใช่หนึ่ง
แต่จะต้องแบ่งครึ่งให้ถึงสอง
และต้องมีตัวกูเป็นผู้ครอง
ตีตราจองของใหม่ใหม่ได้คล่องมือ

มาตราสอง..ต้องมีประชาธิปไตย
ในเงื่อนไข..ยอมตามและห้ามหือ
พร้อมยอมทนสนตะพายคล้ายกระบือ
แลกกับซื่อคืออด..คดคือรวย

มาตราสาม..ห้ามมีตุลาการ
ที่ประจานคนจัญไรไม่เล่นด้วย
มาตราสี่..รัฐสภาต้องเฮงซวย
ยกมือช่วยรัฐบาลทุกกรณี

มาตราห้า...โทษอาญายังมีได้
แต่ต้องดูหน้าใครให้ถ้วนถี่
มาตราหก..การค้าต้องเสรี
แต่กูมีสิทธิควบมารวบเอา

มาตราเจ็ด...บุคคลมีเสรีภาพ
ที่จะงาบ...ที่จะเลว...ที่จะเผา
มาตราแปด...การศึกษาแต่วัยเยาว์
ต้องสอนให้โง่เขลาให้เชื่อฟัง

วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2556

บทกวี >> ต้นกล้าประชาภิวัฒน์

                เรามาไกลเกินกว่าหันหน้ากลับ จึงควรยิ้มต้อนรับการเมืองใหม่
เรามาไกลเกินกว่าหันหน้ากลับ
จึงควรยิ้มต้อนรับการเมืองใหม่
เพื่อเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทย
สู่ธรรมาธิปไตยในโลกา

ผิดนักหรือที่จะถางทางกำหนด
เพื่อจัดวางอนาคตในวันหน้า
เพื่อการเมืองไม่ต้องชี้ที่ราคา
ไร้เบื้องหลังเบื้องหน้ามารวบรัด

พอกันทีอัปรีย์ไป จัญไรมา
พอกันทีกับหมูหมาสารพัดสัตว์
พอกันทีประชาธิปไตยแบบไล่ยัด
หยุดวิบัติแผ่นดินเสียบัดนี้

วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2556

บทกวี >> คารวะนักสู้

บทกวี >> คารวะนักสู้
คารวะนักสู้ผู้กล้าก้าว
ซึ่งปวดร้าวกับความจริงสิ่งที่เห็น
เมื่อสังคมวันนี้มีอันเป็น
เธอตอบแทนผู้ทุกข์เข็ญเหมือนเช่นเคย


กลางความวิปโยคโศกสมัย
ในหัวใจคนจริงยากนิ่งเฉย
ทุกเวลานาทีที่ผ่านเลย
ยิ่งเฉยเมยหนามเสนียดยิ่งเสียดแทง


กาลกิณีผีร้ายที่ร่ายร้อง
ขยับกรับขับทำนองเสียดแสยง
ปฎิกูลอวดกลิ่นกล้าท้าลมแรง
ยิ่งดาลเสียงสาปแช่งให้แผลงฤทธิ์


เมื่่อสาวเท้าก้าวหนึ่งหรือครึ่งก้าว
จะก้าวยาวก้าวสั้นนั่นเป็นสิทธิ์
แต่ที่หมายจักหดสั้นวันละนิด
และชีวิตย่อมสมฝันในบั้นปลาย

วันพุธที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2556

บทกวี >> สวัสดี คุณครู

ขอกราบครูผู้จุดเทียนการเขียนอ่าน
สวัสดีคุณครูผู้สอนศิษย์ 
คารวะตั้งจิตอธิษฐาน  
เทิดฐานะคำว่า ครู..อาจารย์ 
ดุจสะพานปัญญาแห่งธาตรี 

ขอกราบครูผู้จุดเทียนการเขียนอ่าน 
มุ่งสืบสานวิทยาโดยหน้าที่ 
เป็นรอยบุญหนุนนำคุณความดี 
ตามวิถีที่มนุษย์ควรรุดไป 

เพราะชีวิตวุ่นว้างบนทางเปลี่ยว 
ช่างคดเคี้ยวโขดเขินเกินวิสัย 
จะฝันข้ามตามรักสู่หลักชัย 
โดยขาดไร้ผู้แผ้วถางนำทางตน 

ครูผู้เอื้ออาทรจึงสอนสั่ง 
เพียรต่อตั้งเฝ้าสังเกตให้เหตุผล 
ขับคุณค่าความงามความเป็นคน 
บนถนนสายเวลาอนาคต 

ละล่องลอยคล้อยเคลื่อนเดือนปีคล้อย 
เรือชีวิตแล่นลอยตามบาทบท 
ครูยังคงเป็นครูผู้งามงด 
ไม่ราลดหมายศิษย์นี้ดีกว่าเดิม 

วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2556

บทกวี >> ทัณฑ์กามเทพ

เขาว่ารักสร้างหวังคนทั้งโลก  ไยบันดาลทุกข์โศกเสียยิ่งกว่า
จะก้าวเท้าก้าวหนึ่งหรือครึ่งก้าว จะก้าวยาวก้าวสั้นใช่ปัญหา สุดท้ายเมื่อพ้นผ่านกาลเวลา ย่อมสมดังเจตนาหรือปราชัย เมื่อมีหนึ่งมีสองต้องมีสาม ที่ติดตามตัวตนตั้งต้นใหม่ เดี๋ยววูบวับเดี๋ยวอับปางเดี๋ยวร้างไกล เดี๋ยวสดใสเดี๋ยวโฉดเขลาเดี๋ยวเศร้าซึม ใจเอยใจไยเจ้าจึงเขลานัก มาติดปลักเกลียวกวนอวลกระหึ่ม เผชิญคลื่นความเหงาอันเทาทึม กลางหมอกครึ้มอ้อยอิ่งชิงชวยชาย ดังวิหคปีกวิ่นบินผ่านฝน ฝ่าความมืดมัวมลอันเหน็ดหน่าย ไม่อาจกลับไม่อาจรู้อยู่หรือตาย รอเพียงพ่ายหรือพ้นจากโพยภัย รักไม่เคยปรานีที่จะรั้ง ครั้นหยุดยั้งกลับมิเกรงเร่งผลักไส ส่งไปที่เรือนหวังกำลังใจ พอเฉียดใกล้กลับทึ้งดึงกลับมา

วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2556

บทกวี >> สื่อมารชน

สื่อมารชน  กระดาษเปื้อนหมึก
เคยเป็นเช่นกระจกเงาทุกเช้าตรู่
ส่องสัญญาณการรับรู้ผู้คนเห็น
ฉายความทุกข์ปลุกสำนึกอันลึกเร้น
จนโดดเด่นได้ชื่อ ‘สื่อสาระ’

สร้างมติมหาชนบนหยาดหมึก
จารบรรทึกสรรพปัญญาวิสาสะ
เหมือนแสงทองส่องทางสร้างพันธะ
โดยสัจจะปกปักคคนางค์

จนคืนร้าว...
แล้วจันทร์แรมก็ลัดหาวอยู่ไม่ห่าง
ขับอุษาคอยเยือนให้เลื่อนราง
ปล่อยหมอกเมฆขุ่นคว้างเข้ารุมเมือง

วันอังคารที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2556

บทกวี >> พลับพลึงธาร ~ รันทดบทสุดท้าย


พลับพลึงธาร ~ รันทดบทสุดท้าย
ตะวันทอแพรแสดกลางแดดกล้า พยับพร่างมายาเริงฟ้าใส ลมพรูพัดสะบัดโบกโยกกิ่งไกว หมู่พฤกษ์ไพรเนืองนับเร่งจับจูง พลับพลึงธารบานเร้นลับกับสายน้ำ ขับลำนำบุษบากลางป่าสูง แก้วกาฮังสวยสล้างแข่งยางยูง บ้างพลัดฝูงรำฟ้อนริมหาดทราย หมู่กวางทรายร่ายรินมากินหญ้า พยัคฆาหลบเร้นเขม้นหมาย กระทิงโทนขวับเคี้ยวอยู่เดียวดาย แล้วภาพแห่งความตายก็ฉายมา ๒. เรือใบไม้ไหวสะท้านผ่านดงดิบ ยินเพียงเสียงกระซิบอันแปลบปร่า เราคือซาก..คือวิบัติ..พัฒนา จักเยือนคลองนาคาในเร็ววัน เรือใบไม้ถอนสะอื้นคืนสงัด กลางรกชัฏป่าเปลี่ยวเลี้ยวลดหลั่น เย็นน้ำใสไหลเริงเป็นเชิงชั้น ราวสวรรค์ในนิทานนานมาแล้ว

วันพุธที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2555

บทกวี >> เมืองคนดิบ


ใครบางคนอาจกำลังยืนหัวร่อ แต่เรามีเหตุผลพอจะร่ำไห้

ใครบางคนอาจกำลังยืนหัวร่อ
แต่เรามีเหตุผลพอจะร่ำไห้
กับหลายสิ่งที่เห็นที่เป็นไป
ด้วยสมเพชประเทศไทยในยามนี้

เกิดวิบัติประหัตชาติถึงอาจล่ม
การโค่นล้มดำเนินเกินหลีกหนี
ภาพตำตาสารพัดสัตว์อัปรีย์
หมายราวีรัฐวอดมิเว้นวัน

เมื่อชั่ว..โง่..ดื้อ..บ้า..มากันครบ
โลกก็ถึงจุดจบทุกสิ่งสรรพ์
ราวชีวิตพลัดหลงถูกลงทัณฑ์
ตกนรกนิรันดร์ทั้งลืมตา

เหมือนกันหมด..มองทางไหนไร้ที่หวัง
โลกสูญพลังแห่งธรรมมานำหน้า
เกลื่อนโขยงโกงกันไปโกงกันมา
ปลุกระดมปัญญาแค่หายัด

บทกวี >> โลก..ชีวิต.. รัตติกาล

บทกวี >> โลก..ชีวิต.. รัตติกาล
เป็นเพียงความรู้สึกอันลึกซึ้ง
ครุ่นคำนึงด้วยแรงปรารถนา
พริ้วผ่านห้วงทะเลแห่งเวลา
ไม่อาจราเริศร้างเหมือนอย่างเคย

เราหลงทางมาแต่ไหนเมื่อไหร่นี่
จึงวันนี้สะทกสะเทือนเกินเอื้อนเอ่ย
ดอกไม้หอมจรุงกลิ่นอันชินเชย
นิจจาเอ๋ยไยชืดหอมจืดจาง

ดอกโมกบานเกลื่อนกล่นบนต้นโมก
สลัดกลีบวิปโยคอยู่ไม่สร่าง
พรมขาวหม่นทอดนิ่งอยู่ริมทาง
สลายร่างบางเบาเหงาระยับ

กับราตรีว่างเปล่าชวนเศร้าหมอง
สัมผัสเพียงแสงทองของอัจกลับ
มาเฉิดฉายโลมลูบจนวูบวับ
ก่อนลาลับจับแจ้งแสงอรุณ

คว้าง..คว้าง ใบไม้ปลิว
ลอยละลิ่วหมุนคว้างกลางน้ำขุ่น
กระไออวลกระอักอุกเร่ซุกซุน
ละม้ายหุ่นร่อนเร่ชเลชล

โพสต์แนะนำ

สาระนิทาน ชุด ไม้ไทยใจดี 🍽 เรื่อง "ข.ข้าว ขาว ขาว"

เขียวเอย...เขียวพรมผืนใหญ่ ใครมาถักทอไว้ แลไกลสุดตา  เจียวเอย... ตัวฉันนั่นไง  ใบ ข้าว เขียวเขียว ยืนต้นเดี่ยวเดี่ยว  ร...