-->

วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ภาษาศิลป์ 📘 สร้อยคำ ๐ คำเสริม ๐ คำสร้อย


สร้อยคำนี้บางครั้งอาจเรียกว่าเป็นคำอุทานเสริมบทหรือเรียกสั้น ๆ ว่า คำเสริม ก็ได้
เสน่ห์และสุนทรียภาพในภาษาไทยอย่างหนึ่ง ซึ่งถือเป็นมรดกความงามทางวัฒนธรรมอันน่าภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งของคนไทยเรา คือความเป็นภาษาศิลป์ที่มีสุนทรียะผ่านทางระดับของเสียง (วรรณยุกต์) จังหวะสั้นยาว (สระ) ตลอดจนความหนักเบาหรือน้ำหนักของคำ (ครุ-ลหุ) อันทำให้สามารถก่อรูปฉันทลักษณ์ในรูปแบบต่างๆรวมทั้งสื่อแสดงอารมณ์ในเชิงวรรณศิลป์ได้มากมายอย่างยากที่จะหาในภาษาใด ๆ ในโลกมาเปรียบ

      ไม่เชื่อก็ลองอ่านหนึ่งในสุดยอดวรรณคดีไทยแห่งยุครัตนโกสินทร์ที่ชื่อ สามัคคีเภทคำฉันท์ ของท่าน “ชิต บุรทัต ท่อนนี้ดูซีครับ....

     
๏ เอออุเหม่นะมึงชิช่างกระไร   ทุทาสสถุลฉะนี้ไฉน
ก็มาเป็น
๏ ศึกบถึงและมึงก็ยังมิเห็น     จะน้อยจะมากจะยากจะเย็น
ประการใด
๏ อวดฉลาดและคาดแถลงเพราะใจ   ขยาดขยั้นมิทันอะไร  
ก็หมิ่นกู
๏ กลกากะหวาดขมังธนู   บห่อนจะเห็นธวัชริปู
สิล่าถอย…ฯลฯ

ลองอ่านออกเสียงดัง ๆ ดูสิ  พยายามจับจังหวะและนำหนักของเสียงที่เปล่งออกมา  เราอาจสัมผัสได้ถึงสื่ออารมณ์ของผู้พูดที่บริภาษออกมาด้วยความรู้สึกโกรธเกรี้ยวระคนผิดหวังรุนแรง ได้อย่างบาดลึกลงไปในจิตใจของคนฟังเลยทีเดียว...

      อีกตอนหนึ่ง....     

๐ บงเนื้อก็เนื้อเต้น      
พิศเส้นสรีร์รัว
ทั่วร่างและทั้งตัว               
ก็ระริกระริวไหว

๐ แลหลังละลามโล     
หิตโอ้เลอะหลั่งไป
เพ่งผาดอนาถใจ                        
ระกะร่อยเพราะรอยหวาย…ฯลฯ

ท่อนแรกประพันธ์ในรูปอีทิสฉันท์หรือ อีทิสังฉันท์ ๒๐ ส่วนท่อนหลังคือ อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑  แต่ทั้งสองท่อน  ต่างเต็มเปี่ยมไปด้วยความงามแห่งภาษาศิลป์ที่สะท้านสะเทือนอารมณ์ได้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย..

วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2555

สาระนิทาน ชุด ไม้ไทยใจดี 🍽 เรื่อง "ข.ข้าว ขาว ขาว"

planetp - สารนิทาน ชุด ไม้ไทยใจดี

เขียวเอย...เขียวพรมผืนใหญ่
ใครมาถักทอไว้
แลไกลสุดตา  เจียวเอย...





ตัวฉันนั่นไง  ใบข้าว
เขียวเขียว
ตัวฉันนั่นไง  ใบข้าวเขียวเขียว
ยืนต้นเดี่ยวเดี่ยว  รวมกับพวกดาษดื่น
ล้วนญาติวงศ์พงศ์เผ่า  ชาวนา ชาวน้ำ
เขามาปัก มาดำ      จนเติบโตเป็นผืน

เขาทำกันอย่างนี้                   เกือบหมื่นปีนับได้
แถบเอเชียออกใต้                   ก่อนแพร่หลายไปที่อื่น
ว่ากันตามหลักฐาน  แค่บ้านเชียงของเรา พวกเครื่องปั้นดินเผา  คลุกแกลบข้าวยืนพื้น
ว่ากันตามหลักฐาน     แค่บ้านเชียงของเรา
พวกเครื่องปั้นดินเผา  คลุกแกลบข้าวยืนพื้น

จึงพอชี้ให้เห็น           ฉันเป็นที่รู้จัก
แต่โบราณนานนัก      ช่วยให้คนอยู่ยีน

เปรียบเสมือนเพื่อนรัก  ที่แน่นหนักกว่าใคร
มีรักจริงยิ่งใหญ่       ถึงยอมให้..เคี้ยวกลืน


จึงพอชี้ให้เห็น    ฉันเป็นที่รู้จัก   แต่โบราณนานนัก   ช่วยให้คนอยู่ยีน



ดูกันแค่หน้าตา                       ฉันอาจเหมือนหญ้าอื่นอื่น
แต่ความจริงฉันแปลก           แตกต่างตรงข้อต่อ
มี “เยื่อกันน้ำ” เหนือข้อ     กับ “ตะขอ” คล้ายเขี้ยว
ส่วนพวกหญ้าสารพัน           เขามีกันอย่างเดียว
ไม่เยื่อกันน้ำก็เขี้ยว              ประกบติด “คอใบ”

วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2555

บทกวี >> มือที่ถือปากกา

มือที่ถือปากกามีค่านัก
มือที่ถือปากกามีค่านัก
ทุกรอยลักษณ์อักษรสะท้อนสิ่ง
จะเบนบิดหรือน้อมนำไขความจริง
ย่อมเอนอิงตามนิมิตแห่งจิตตน

จิตใจงามคิดความก็งามหมด
จิตใจคดก็เสื่อมเสียและสับสน
คนเป็นคนคงค่าสมค่าคน
ย่อมไม่จนใจคิดพินิจใจ

ยุคสมัยอันกำกวมต้องกล้าแกร่ง
ต้องชัดเจนแจ่มแจ้งทางที่ใช่
ไม่คลุมเครือหลอนหลอกมีนอกใน
ดังโคมไฟส่องสว่างทางสายงาม

จินตนา..คารม..คมความคิด
ถ้อยวิจิตรจากใจอันไหวหวาม
ซึ่งส่งผ่านอารมณ์เป็นคมความ
ต้องกล้าถามกล้าท้าทุกท่าที

เพื่อเผยทางสร้างสรรค์ตะวันรุ่ง
ขับม่านหมอกวันพรุ่งทุกถิ่นที่
ส่องเสี้ยนหนามรกชัฎในปัฐพี
เพื่อหลบลี้้และหาทางแผ้วถางมัน

ปากกาอาจขาดพลังไม่ดังมาก
แต่เมื่อปากต่อปากอยากรังสรรค์
เสียงก็ไพเราะดังเป็นรางวัล
อาจส่งฝันถึงวันใหม่ให้เป็นจริง

มือที่ถือปากกามีค่านัก
หากรู้จักพิทักษ์ธรรมนำทุกสิ่ง
หากบิดเบือนสัจจะหมายละทิ้ง
มันก็ยิ่งกว่าขยะสวะคน!



๑๙ กันย์ ‘๕๕
เยี่ยมชม ๐ Page...http://www.facebook.com/RaPhiPhchra?ref=hl


โพสต์แนะนำ

สาระนิทาน ชุด ไม้ไทยใจดี 🍽 เรื่อง "ข.ข้าว ขาว ขาว"

เขียวเอย...เขียวพรมผืนใหญ่ ใครมาถักทอไว้ แลไกลสุดตา  เจียวเอย... ตัวฉันนั่นไง  ใบ ข้าว เขียวเขียว ยืนต้นเดี่ยวเดี่ยว  ร...