ในป่าเบญจพรรณ
มีพันธุ์ไม้ใหญ่น้อย นับร้อยนับพัน
พ่อแม่พี่น้องของฉัน
ต่างเกิด โต ตาย ที่นั่น เสมอมา
ฉันเป็นพืชตระกูลหญ้า
แต่ต้นโตกว่า เลยเรียกกันว่า"ไผ่"
ญาติพี่น้องมากหน้า มีหน้าตาแตกต่างกันไป
บ้างใบเล็ก บ้างใบใหญ่
บ้างเป็นพุ่ม บ้างเป็นกอ
แต่ล้วนตั้งลำแบ่งข้อ แตกหน่อที่ตา
เขาว่ากันว่า ฉันคล้ายผู้หญิง
ดูดูก็จริง เพราะฉันอ่อนไหว
ฉันชอบร้องเพลง ฉันชอบลู่ลม
เป็นเหมือนม่าน เหมือนพรม
ช่วยกันห่มไม้ใหญ่
ถึงคราวฟ้าพิโรธ ลงโทษป่าด้วยไฟ
ฉันก็พลอยผสม ระเริงลมเต็มที่
ที่ฉันทำอย่างนี้ เธอคงว่าไม่ดีใช่ไหม
แต่ที่จริงฉันทำเพื่อไม้อ่อน
เขาอ้อนวอนขอเติบใหญ่
ฉันจึงต้องเปิดป่า ให้ใบหญ้าได้ระบัด
เป็นโรงอาหารของสัตว์ นานา
วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558
วันพุธที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2558
บทกวี >> สองมือแม่นี้ที่สร้างโลก
แต่เธอคือนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่
ในมือสองมีแรงคอยแกว่งไกว
และเป็นขวัญกำลังใจให้ชายชม
แปลกอะไรชายหรือหญิงล้วนสิ่งสร้าง
ที่แตกต่างเพียงกายที่เสพสม
มีเลือดเนื้อมีชีวามีอารมณ์
มีเคียวคมแห่งปัญญาค่าเหมือนกัน
ใครอ่อนโยนเข้มแข็งหรือแกร่งกว่า
ก็แค่คำกล่าวหาด้วยเดียดฉันท์
ตราบท้องฟ้าอาทิตย์ยังคู่จันทร์
ความสำคัญคือยังอยู่เป็นคู่ชิด
ใครเท้าหน้าเท้าหลังก็ช่างเท้า
ทุกการก้าวเท้าทั้งสองต่างครองสิทธิ์
ที่จะเดินที่จะย่ำนำชีวิต
ตามแต่จิตคิดหวังที่ตั้งมา
วันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
บทกวี >> ขยะ
จะนิ่งเฉยอยู่ทำไมหนอใจเจ้า
ในน้ำเน่ายังมีจันทร์ให้ฝันหรือ
สองมือเจ้าก็แคล่วคล่องทั้งสองมือ
ไยไม่รื้อร่องวิบัติให้พลัดไป
ในน้ำเน่าเงาจันทร์สิงก็จริงอยู่
แต่คงความหดหู่หรือมิใช่
เมื่อขยะปฏิกูลพอกพูนไทย
ขยะในใจคนก็ล้นตาม
ก่อกาลีผีร้ายย่างกรายเกลื่อน
ให้แปดเปื้อนประชาชนอีกล้นหลาม
ต้องจำยอมจ่อมจมสังคมทราม
กับสำนึกเหยียดหยามประณามตน
ที่ทนทานทบท่าวระทมทุกข์
สาละวนเสพสุขทั้งใจหม่น
ปล่อยเมฆร้ายผลาญพร่าฟ้าเบื้องบน
ให้ฟ้าหมองเยี่ยมยลแต่อนธกาล
วันนี้แสงเรื่อเรืองแห่งเมืองรุ้ง
เริ่มทิ้งคุ้งโค้งระยับกลับถึงบ้าน
เคืองระคายแค้นคามาเนิ่นนาน
กลับฉายฉานปรัศนีย์ที่ควรคิด
วันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2557
บทอาเศียรวาท >> เทพรัตน์วรรษา มหาจักรีสิรินธร
(ฉบัง ๑๖)
สมเด็จพระเทพรัตนา วรราชสุดา
แห่งองค์มหาภูมินทร์
ภูมิพลบรมจักริน เอกอัครศิลปิน
เจิดแจ่มฟ้าหล้าบุรีศรี
สืบเทพสืบธรรมบารมี สืบวงศ์จักรี
สืบศักดิ์สืบศรีทวยไทย
เชิงชาญกานท์กวีเรืองไร จ่อเจตจริงใจ
สื่อสร้อยภาษาพาสาร
ศึกษาแบบเบื้องบุรพกาล เรียนรู้โบราณ
หมายต่อสายธารอนาคต
ด้าวแดนแว่นแคว้นชนบท มิเคยราลด
เสด็จเยือนสุขเศร้าสั่งสม
ต่อยอดพัฒนาปรารมภ์ ระดะระดม
ไพร่ราบปราบสู้ทุกเข็ญ
ดำเนินดำเนียรบำเพ็ญ สู่ราษฏร์ร่มเย็น
เฉกเช่นพระพ่อเพียรพา
ชาตกาลหกสิบชันษา ห่มห้อมบุญญา
ขอพระสุขเกษมเปรมชัย
เชิญคุณพระรัตนตรัย คุ้มครองป้องภัย
ไว้หลักขัตติยะนารี
เป็นแก้วประพาฬรัศมี เปล่งคุณความดี
แผ่สุขไพศาลนิรันดร์เทอญ
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม
๐ ระพี พชระ ๐
ภาพจิตรกรรมพระสาทิสลักษณ์...อาจารย์จักรพันธ์ โปษยกฤต
วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
🌼 แก้ว : แพรพรรณบนเนื้อไม้
เจื้อยแจ้วสกุณาจ้าเสียง
เซ็งแซ่หาคู่มาเคียง
จำเรียงลำนำช้ำรัก
ป่านนี้เจ้าไปไกลที่ไหนหนอ
ปล่อยให้คนรอต้องทุกข์หนัก
โศกเศร้าเจียนตายช่างร้ายนัก
เหมือนหนามปักกลางใจไม่หน่ายพิษ..ฯ
แก้ว [Andaman Satinwood]วงศ์ : Rutaceae
เคยฟังเพลงที่ศิลปินล้านนาผู้โด่งดัง "จรัล มโนเพชร" เคยประพันธ์และขับร้องไว้อยู่้เพลงหนึ่ง ชื่อเพลง "น้อยไจยา" มีเนื้อความตอนหนึ่งว่า 'ดอกพิกุลก็คือดอกแก้ว' ก็ให้สงสัยตงิด ๆ เลยไปค้นดู ครับ..คนทางภาคเหนือเรียกดอกพิกุลว่า ดอกแก้ว จริง ๆ ส่วนดอกแก้วที่เรารู้จักกันกลับไพล่ไปเรียกว่า แก้วพริก..
วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556
กวีวัจนะ 📃 ร้อยกระบวนสำนวนไทย (๔) กลอนสุภาพ
กลอนสุภาพ
ตำน้ำพริกละลายในแม่น้ำ
เผ็ดจะนำรสได้อย่างไรหนอ
เปรียบงานนิดคิดเสียเพลินจนเกินพอ
เขาเยินยอจ่ายไม่ยั้งหวังคำชม
เอาเนื้อหนูปะเนื้อช้างหวังเอาหน้า
กับมหาเศรษฐีมีเงินถม
เจียดสินทรัพย์อย่างโก้แท้โง่งม
เราล่มจมเขามากเพิ่มแค่นิดเดียว
หวังงานใหญ่อย่าลองเล่นเช่นยาจก
กุ้งฝอยตกปลากะพงคงเสียเที่ยว
ลงทุนน้อยกำไรมากยากนักเชียว
กว่าขับเคี่ยว กว่าได้การ นานนานที
ไม่เห็นน้ำด่วนไปตัดกระบอก
อาจเสียดยอกทุกข์ทนรนหาที่
ยังไม่ถึงเวลาค่าควรมี
ด่วนทำไปก็เปล่าปลี้มีแต่เปลือง
เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้างเอาอย่างเขา
เที่ยวเกลือกกลั้วมัวเมาไม่เข้าเรื่อง
เขามั่งมี เรามีมั่ง ตั้งตาเคือง
เลียนแบบความฟุ้งเฟื่องเซื่องเซื่องไป
กินข้าวร้อน นอนตื่นสายอย่างนายเหนือ
รักสบายอยู่ทุกเมื่อน่าเบื่อไหม
ทุกงานทำก็ฝืนทำเพราะจำใจ
คอยผัดวันประกันพรุ่งมุ่งผัดผ่อน
ต้องเดือดร้อนเพราะพาทีไม่มีศีล
ใครจะรอต่อให้แน่แม้ปวีน
ยากป่ายปีนความสำเร็จเสร็จทันกาล
ปากเป็นเอก เลขเป็นโท โวหารเปรียบ
ยกทำเนียบวิทยามหาศาล
ยังเป็นรองร้อยรสพจมาน
ที่ขับขานออกไปให้คนยิน
วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
บทกวี >> บานประตู
ใช่แค่เพียงอำพรางซ่อนบางสิ่ง
หรือจำนนพ่ายแพ้อย่างแท้จริง
จึงปิดตายไม่ไหวติงอยู่อย่างนั้น
บานประตูมีไว้ใช่แค่แง้ม
หากยังถูกแต่งแต้มด้วยสีสรรพ์
ที่รอการเปิดไขใช่ทางตัน
แต่คือก้าวสำคัญสู่โลกงาม
ถึงรั้วหนากล้าแกร่งกำแพงกั้น
ก็ไม่อาจหยุดฝันอันไหวหวาม
เพราะหัวใจนักสู้ทุกผู้นาม
ไม่เคยหยุดติดตามหาตัวตน
ตราบรำเพยแห่งสายลมยังพรมพัด
ไม้ยังผลัดใบบังยังร่วงหล่น
กระแสแห่งศักดิ์ศรีเสรีชน
ย่อมว่ายวนรี่ไหลในสำนึก
เมื่อแสงทองส่องเตือนการเคลื่อนไหว
แสงก็ส่องห้องหัวใจให้รู้สึก
สะทกสะท้อนวามวู่อยู่ลึกลึก
ให้ตริตรึกลึกซึ้งถึงทางควร
วันพุธที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2556
นิทานชวนเพลิน 🦅 เรื่อง "นกแสงตะวัน"
ฤดูหนาวปีนั้นช่างยาวนานเหลือ เกิน ยาวนาน เสียจนท้องทุ่งเขียวขจี อันเป็นถิ่นที่อยู่ของสัตว์นานาชนิด ต้องเปลี่ยนแปลงไป ทุกหนทุกแห่งกลับกลายเป็นสีขาวโพลนของหิมะที่โปรยปรายลงมาอย่างไม่รู้จักจบสิ้น แผ่คลุมความหนาวเย็นอันร้ายกาจกินอาณาบริเวณไปไกลแสนไกล
สัตว์ต่าง ๆ พากันอพยพหนีหนาวไปจนสิ้น บ้างที่หนีหนาวไม่ทัน ก็ค่อย ๆ ทยอยล้มตายไปเป็นจำนวนมาก ส่วนที่เหลืออยู่ก็อ่อนล้าโรยแรงลงไปทุกที แม้แต่นกอินทรี ผู้ได้ชื่อว่า ราชาแห่งท้องทุ่งกว้าง ก็ยังทนท้าความหนาวเย็นไม่ไหว จำยอมละทิ้งความหยิ่งผยอง ทิ้งตัวจากยอดไม้ลงมานอนฟุบอยู่กับกองหิมะอย่างสิ้นเรี่ยวแรง
ห่างออกไปตรงชายเนิน นกแซงแซวกับนกกาเหว่านอนทอดตัวนิ่งอยู่ใกล้ ๆ กัน ไม่มีใครรู้ว่า นกทั้งสองเพียงแค่สลบไสลหรือลาจากโลกนี้ไปแล้ว แต่ก็นั่นแหละ ถึงยังมีชีวิตอยู่ก็คงยากที่จะหาความช่วยเหลือจากใครได้ เพราะในยามนี้ ทุกชีวิตล้วนตกอยู่ในสภาพเดียวกันทั้งนั้น หนาว เหนื่อย และหิว สิ่งเดียวที่พอจะทำได้ก็คือ ประคองชีวิตให้รอด เพื่อรอให้ฤดูหนาวอันทารุณนี้ได้ผ่านพ้นไปโดยเร็ว
เจ้านกแสงตะวัน มองความเป็นไปบนท้องทุ่งกว้างแห่งนี้ด้วยความเศร้าใจ มันรู้สึกสงสารเพื่อนนกที่กำลังถูกทำร้ายจากความหนาวเย็นเป็นยิ่งนัก ตัวมันเอง โชคดีที่ทิ้งถิ่นไปหากินทางใต้เสียนาน โดยไม่ทันล่วงรู้มาก่อนว่าจะกลับมาเจอสภาพอากาศเลวร้ายเช่นนี้เข้า ในตอนแรก มันตั้งใจจะบินผ่านเลยไปเหมือนกับเพื่อน ๆ ของมัน แต่เมื่อเหลือบเห็นเป็ดป่าฝูงหนึ่งกำลังดิ้นกระเสือกกระสนอยู่เหนือผิวน้ำ ที่กำลังแข็งตัวอยู่เบื้องล่าง หมายที่จะโผบินขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างสิ้นหวัง มันจึงตัดสินใจบินแยกจากฝูงลงมาเกาะบนยอดไม้บริเวณนั้น และเพียงกวาดสายตามองไปรอบ ๆ นกแสงตะวันก็พอจะคาดเดาได้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทุ่งกว้างแห่งนี้ ร้ายแรงเกินกว่าที่มันจะนิ่งเฉยอยู่ได้
สัตว์ต่าง ๆ พากันอพยพหนีหนาวไปจนสิ้น บ้างที่หนีหนาวไม่ทัน ก็ค่อย ๆ ทยอยล้มตายไปเป็นจำนวนมาก ส่วนที่เหลืออยู่ก็อ่อนล้าโรยแรงลงไปทุกที แม้แต่นกอินทรี ผู้ได้ชื่อว่า ราชาแห่งท้องทุ่งกว้าง ก็ยังทนท้าความหนาวเย็นไม่ไหว จำยอมละทิ้งความหยิ่งผยอง ทิ้งตัวจากยอดไม้ลงมานอนฟุบอยู่กับกองหิมะอย่างสิ้นเรี่ยวแรง
ห่างออกไปตรงชายเนิน นกแซงแซวกับนกกาเหว่านอนทอดตัวนิ่งอยู่ใกล้ ๆ กัน ไม่มีใครรู้ว่า นกทั้งสองเพียงแค่สลบไสลหรือลาจากโลกนี้ไปแล้ว แต่ก็นั่นแหละ ถึงยังมีชีวิตอยู่ก็คงยากที่จะหาความช่วยเหลือจากใครได้ เพราะในยามนี้ ทุกชีวิตล้วนตกอยู่ในสภาพเดียวกันทั้งนั้น หนาว เหนื่อย และหิว สิ่งเดียวที่พอจะทำได้ก็คือ ประคองชีวิตให้รอด เพื่อรอให้ฤดูหนาวอันทารุณนี้ได้ผ่านพ้นไปโดยเร็ว
เจ้านกแสงตะวัน มองความเป็นไปบนท้องทุ่งกว้างแห่งนี้ด้วยความเศร้าใจ มันรู้สึกสงสารเพื่อนนกที่กำลังถูกทำร้ายจากความหนาวเย็นเป็นยิ่งนัก ตัวมันเอง โชคดีที่ทิ้งถิ่นไปหากินทางใต้เสียนาน โดยไม่ทันล่วงรู้มาก่อนว่าจะกลับมาเจอสภาพอากาศเลวร้ายเช่นนี้เข้า ในตอนแรก มันตั้งใจจะบินผ่านเลยไปเหมือนกับเพื่อน ๆ ของมัน แต่เมื่อเหลือบเห็นเป็ดป่าฝูงหนึ่งกำลังดิ้นกระเสือกกระสนอยู่เหนือผิวน้ำ ที่กำลังแข็งตัวอยู่เบื้องล่าง หมายที่จะโผบินขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างสิ้นหวัง มันจึงตัดสินใจบินแยกจากฝูงลงมาเกาะบนยอดไม้บริเวณนั้น และเพียงกวาดสายตามองไปรอบ ๆ นกแสงตะวันก็พอจะคาดเดาได้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทุ่งกว้างแห่งนี้ ร้ายแรงเกินกว่าที่มันจะนิ่งเฉยอยู่ได้
วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2556
บทกวี >> วิหคแห่งใจ
เพราะความจริงไม่เหมือนกับนิยาย
และไม่คล้ายดังละคอนย้อนบทเก่า
จึงหวาดไหวใจสะท้านอยู่นานเนา
กับเงื้อมเงาวิปโยคและโชคร้าย
เราเดินมาไกลมากจากจุดเริ่ม
แปลบหัวใจดวงเดิมแสนเหน็ดหน่าย
เห็นแต่ความย่อยยับปนอับอาย
กับความล่มแหลกสลายของบ้านเมือง
บางทีการผ่านพ้นจึงค้นพบ
ภาพผู้คนยอมสยบราวสัตว์เชื่อง
ไม่ขัดขวาง ไม่ว้าวุ่น ไม่ขุ่นเคือง
นิ่งมันเสียทุกเรื่องเซื่องเซื่องไป
หยั่งรากลึกในอากาศเฝ้าวาดหวัง
คงสักครั้งรพิพรรณฉายวันใหม่
ระบายรุ่งรุ้งสวยช่วยอวยชัย
ขจัดภัยพ่ายแพ้แก่แผ่นดิน
การเดินทางกลางเถื่อนเหมือนไม่จบ
จึงพานพบเพียงคมลมบาดหิน
ไร้ความหมายไร้ค่าไร้ราคิน
ลมหายใจรวยรินเหมือนสิ้นแรง
วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2556
สารคดีสำหรับเด็ก เรื่อง พระอาทิตย์แสนดี
เราทุกคนต่างมีพ่อมีแม่
สัตว์ทุกตัว ต้นไม้ทุกต้น
ต่างก็มีพ่อ มีแม่เหมือนกับเรา
พ่อแม่ คือผู้ที่ทำให้เราเกิดมา
ท่านเลี้ยงดูเรา ให้ความอบอุ่นแก่เรา
แม้แต่โลกที่เราอยู่อาศัยก็มีพ่อแม่
พ่อแม่ของโลกคือ พระอาทิตย์
ทุกทุกเช้า...
พระอาทิตย์จะนำความร้อนและแสงสว่างมาปลุกโลก
ปลุกต้นไม้ให้คลี่ใบบานออกรับแสง
ปลุกฝูงนกกาให้บินออกจากรังไปหากิน
คนและสัตว์ต่างก็พากันตื่นจากหลับ
ทุกชีวิตบนโลกต่างต้องพึ่งพาแสงอาทิตย์
หรือแสงแดดเพื่อการมีชีวิตอยู่ทั้งนั้น
ต้นไม้ต้องการแสงแดดในการสร้างอาหารเลี้ยงตัวเองให้เจริญเติบโต
ก่อนที่จะถูกสัตว์กินพืชกัดกินเป็นอาหารอีกที
แล้วสัตว์กินพืชก็กลายเป็นอาหารของสัตว์กินเนื้อและคนเราอีกต่อหนึ่ง
น้ำเค็มในทะเลและมหาสมุทร
ก็ต้องการความร้อนจากดวงอาทิตย์
เพื่อทำให้ตัวเองกลายเป็นน้ำจืด
วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
บทกวี >> คือกรวดเม็ดหนึ่ง
ซึ่งปริแยกแตกจากภูผา
จองจำเนิ่นผ่านกาลเวลา
ปรารถนาใดใดไป่มี
วันหนึ่งฟ้าอับดาวก็กราวก้อง
กู่ร้องฝนฟ้าอึงมี่
เพิงผาพลันพ่ายพับปฐพี
ครืนกระชากซากธุลีเกรียวกรู
กึกก้องกัมปนาทกราดเกรี้ยว
น้ำเชี่ยวโซรมซัดสาดซู่
กรวดก้อนซอนซับรับรู้
กูกระอักเกินกล้ำลำเค็ญ
ถัดถั่งท่องนทีรี่ไหล
ไปตามกระแสสินธุ์เตลิดเต้น
เกลือกกลิ้งทบท่าวหนาวเย็น
เคืองเข็ญคับแค้นแน่นใน
กูคือผู้แพ้แน่หรือ
กูล้า..รามือใช่ไหม
หรือกร้าวหรือแกร่งเกินไป
จึงน้ำโลมไล้เกลากลึง
วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
บทกวี >> รัฐธรรมนูญฉบับ..ตูเอง
มาตราหนึ่ง..ประเทศไทยมิใช่หนึ่ง
แต่จะต้องแบ่งครึ่งให้ถึงสอง
และต้องมีตัวกูเป็นผู้ครอง
ตีตราจองของใหม่ใหม่ได้คล่องมือ
มาตราสอง..ต้องมีประชาธิปไตย
ในเงื่อนไข..ยอมตามและห้ามหือ
พร้อมยอมทนสนตะพายคล้ายกระบือ
แลกกับซื่อคืออด..คดคือรวย
มาตราสาม..ห้ามมีตุลาการ
ที่ประจานคนจัญไรไม่เล่นด้วย
มาตราสี่..รัฐสภาต้องเฮงซวย
ยกมือช่วยรัฐบาลทุกกรณี
มาตราห้า...โทษอาญายังมีได้
แต่ต้องดูหน้าใครให้ถ้วนถี่
มาตราหก..การค้าต้องเสรี
แต่กูมีสิทธิควบมารวบเอา
มาตราเจ็ด...บุคคลมีเสรีภาพ
ที่จะงาบ...ที่จะเลว...ที่จะเผา
มาตราแปด...การศึกษาแต่วัยเยาว์
ต้องสอนให้โง่เขลาให้เชื่อฟัง
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
โพสต์แนะนำ
สาระนิทาน ชุด ไม้ไทยใจดี 🍽 เรื่อง "ข.ข้าว ขาว ขาว"
เขียวเอย...เขียวพรมผืนใหญ่ ใครมาถักทอไว้ แลไกลสุดตา เจียวเอย... ตัวฉันนั่นไง ใบ ข้าว เขียวเขียว ยืนต้นเดี่ยวเดี่ยว ร...
-
ตำนานเวลา สำหรับคนที่ตกอยู่ในห้วงแห่ง ความรัก ความพอใจ หรือความรื่นเริงบันเทิงมีทั้งหลายทั้งปวง อาจมีความรู้สึกว่าเวลาช่างล่วงเลยไปรวดเ...
-
อังกฤษ – ลอนดอน / ลิสบอน – โปรตุเกส / ฝรั่งเศส – ปารีส / กรีซ – เอเธนส์ / สวีเดน – สต็อคโฮล์ม/ โรม – อิตาลี / นิวเดลฮี – อินเดีย ...
-
เผลอไปกับเทศกาลงานฉลองช่วงลงปีเก่าขึ้นปีใหม่เพียง แว่บเดียว วันเวลาก็ผ่านเลยครึ่งเดือนแรกของปีแล้ว สมกับคำที่โบราณท่านว่าไว้จริง ๆ “เวลา...