
วงศ์ : Meliaceae
เหมือนอุบะนวลละออง เจ้าแขวนไว้ให้เรียมชม
ประยงค์เป็นไม้กลางแจ้ง ชอบแดด จัดเป็นไม้โตช้าต้นหนึ่ง ในบ้านเรามีประยงค์อยู่ ๓ ชนิด คือประยงค์ใบใหญ่ ประยงค์ป่า และประยงค์บ้านที่พบเห็นได้ทั่วไป
ประยงค์เป็นไม้กลางแจ้ง ชอบแดด จัดเป็นไม้โตช้าต้นหนึ่ง ในบ้านเรามีประยงค์อยู่ ๓ ชนิด คือประยงค์ใบใหญ่ ประยงค์ป่า และประยงค์บ้านที่พบเห็นได้ทั่วไป
เราจะไปทางไหนกัน...
เมื่อตะวันบอกลาฟ้าใส
เมฆคลุ้มกลุ้มสรวงทวงไทย
ลองไนหริ่งหรีดกรีดร้อง
มืดมนหนทางกลางเถื่อน
ห่างเพื่อนห่วงภัยทั้งผอง
หมดแล้วรุ่งสางทางทอง
ไม่มีพี่มีน้องแล้วบัดนี้
เหลือแต่ลมแล้งแห่งรัก
พัดใจให้ประจักษ์ทุกที่
กราดเกรี้ยวโบกสะบัดพัดวี
เพลงมารอึงมี่อวลเมือง
โลกสีขาวของหนูอยู่ที่ไหน
มันอยู่ในกระดาษวาดเขียนหนู
หรืออยู่ในชอล์คที่ถือในมือครู
หรือเป็นเพียงคำหรูหรูหนูเคยฟัง
โลกสีขาวอยู่ไหนหนูไม่เห็น
ตั้งแต่เช้าจรดเย็นไม่เห็นหวัง
เห็นแต่รอยขาดวิ่นอันภินท์พัง
กับคราบอันเกรอะกรังประดังประเด
ลับแววตาฝ่าสายลมจนคมกริบ
เพ่งกระพริบตามทางไม่ห่างเห
โลกวิมุติทรุดซวนแกมรวนเร
เหมือนพ่ายพับกับเสน่ห์แห่งโลกีย์
โลกสีขาวจึงวันนี้กลายสีหม่น
ฉาบทะเลผู้คนอยู่ทุกที่
เกลื่อนความหมองนองน้ำตาล้นราคี
เปล่งประกายความดีด้วยสีดำ
ย้อนความหลังครั้งเก่าเงาอดีต ทั้งจารีตประเพณีที่สูญหาย
อีกสีสรรพ์วรรณคดีที่พริ้งพราย กับลวดลายนิทานเนิ่นนานมา
เพราะหนังสือถูกทัพดิสรัปชั่น มาห้ำหั่นจนสูญหายไปต่อหน้า
จึงสืบสานพอให้รู้ผ่านหูตา ตามประสาคนเก่า..อยากเล่าให้ฟัง...
คงจะมีคนสงสัยกันบ้างว่า ทำไมกวีเอกอย่างสุนทรภู่ถึงได้รับการยอมรับและยกย่องกันเป็นอย่างมาก ทั้งที่ไทยเรามีกวีฝีมือเยี่ยมและวรรณคดีชั้นครูอยู่มากมาย วันนี้ เราจะมาดูกันว่า กระบวนกลอนสุนทรภู่มีความโดดเด่นอย่างไร ถึงทำให้ท่านยืนหนึ่งตลอดมา…..
รื่นไหลดังสายน้ำ
งดงามด้วยลีลา
อหังการ์เปี่ยมล้น
แยบยลในการเล่า
ปลุกเร้าจินตนาการ
แตกฉานในสัมผัส
เด่นชัดในในอารมณ์
อุดมสุภาษิต
สื่อชีวิตแนบเนียน
เขียนภาษาตลาด
ปราชญ์แห่งการใช้คำ
บางที นี่อาจจะเป็นบทสรุปงานของท่านภู่หรือสุนทรภู่ที่เรารู้จักกันดีในฐานะกวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ท่านถือเป็นกวีสี่แผ่นดิน คือเกิดในสมัยรัชกาลที่ ๑ แล้วมีชีวิตอยู่ต่อมาจนถึงรัชกาลที่ ๔ ท่านเกิดและเติบโตมาในรั้ววังหลัง เพราะมีแม่เป็นข้าหลวงอยู่ในวัง ตอนที่ท่านเริ่มโตเป็นโจ๋อยู่แถววังหลังนั้น เป็นช่วงต้นรัชกาลที่ ๒ ที่ถือกันว่าเป็นยุคทองของวรรณคดีไทย เพราะสังคมเริ่มสงบ เริ่มฟื้นตัวจากพิษสงครามกับพม่า มีการติดต่อค้าขายกับฝรั่ง แขก จีน ไทยไปทั่วกรุงสยามสมัยนั้น ท่านสุนทรภู่คงมีโอกาสคลุกคลีกับนักเดินทางและคนเรือสินค้าที่ขึ้นล่องผ่านแม่น้ำเจ้าพระยาเข้ามา ท่านจึงซึมซับความรู้เรื่องราวต่าง ๆ จากโลกภายนอกอย่างกว้างขวาง ประกอบกับในรั้ววังหลังก็คงมีการละเล่น ร้องรำทำเพลงกันเป็นประจำ เช่น เล่าขานวรรณคดี ขับเสภา เล่นกลอนสักวา การละครฟ้อนรำ บรรเลงมโหรีปี่พาทย์ สิ่งเหล่านี้ สุนทรภู่คงคุ้นเคยเป็นอย่างดี เมื่อรวมกับนิสัยรักเรียนเขียนอ่านของท่าน จึงไม่แปลกอะไรที่ท่านจะมีความรู้แตกฉานด้านการใช้ภาษาและสามารถนำออกมาใช้อย่างเชี่ยวชาญ…
ทีนี้ มาดูกันทีละข้อว่ากลอนของสุนทรภู่มีความโดดเด่นอย่างไร
เขียวเอย...เขียวพรมผืนใหญ่ ใครมาถักทอไว้ แลไกลสุดตา เจียวเอย... ตัวฉันนั่นไง ใบ ข้าว เขียวเขียว ยืนต้นเดี่ยวเดี่ยว ร...