-->

วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2563

🌼โมก : หอมละมุนกรุ่นเสน่ห์ทั้ง วงศ์วาน

 

ดอกไม้หอม  "โมก" Water Jasmine       เหม่อดูหมู่แมกไม้           
        เหตุไฉนดูเศร้าหมอง
        หรือเค้าโมงที่เคยมอง
        เคยจู่จับกลับหายไป

       โมกซ้อนกลีบอ่อนหวาน
       สั่นสะท้านเหมือนจับไข้
       อ่อนระโหยด้วยโพยภัย
      ที่สาดสุมมารุมทรวง

      จากไปไม่เหลือแล้ว
      ประกายแก้วเคยห่วงหวง
      เดือนดับกับแดดวง
      แล้วพฤกษ์ไพรก็หายวับฯ 


โมก [โมกลา โมกซ้อน โมกบ้าน]
วงศ์ : Apocynaceae 
ลำนำดอกไม้  ไม้ไทยกลิ่นหอมพิสุทธิ์..โมก
            ไม้ต้นนี้มีเพื่อนพ้องน้องพี่่ร่วมวงศ์เดียวกันเป็นไม้ดอกสวยงามมากมายเช่น ลีลาวดี บานบุรี ยี่โถ ชวนชม รำเพย ตีนเป็ดและพญาสัตบรรณฯลฯ เป็นต้น ลักษณะเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ของพืชในวงศ์นี้คือ มียางเหนียว ๆ สีขาวข้นในแทบทุกส่วนของลำต้นที่จะไหลซึมออกมาทันทีที่ถูกสะกิด ซ้ำร้ายกว่านั้น ยางของไม้ในวงศ์นี้บางต้น โดยเฉพาะยางของต้นรำเพย ยี่โถ และชวนชมยังมีพิษเบื่อเมาอย่างร้ายแรง จึงเป็นอันตรายอย่างยิ่งสำหรับเด็ก ๆ ที่อาจสัมผัสหรือเผลอรับประทานเข้าไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์

https://planetpt.blogspot.com/
            โมก..เป็นไม้ที่อยู่เคียงคู่กับสังคมไทยมานานแล้วเฉกเช่นเดียวกับไม้ไทยโบราณอื่น ๆ หลายต้น บทประพันธ์เกี่ยวเนื่องถึงไม้โมกและไม้โมกมันที่ปรากฎอยู่ในวรรณคดีไทยก็่มีหลายต่อหลายเรื่องเช่นกัน อย่างเช่นในบทพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่่ ๑ เรื่อง “รามเกืยรติ์” ที่ว่า

        ไก่แก้วจับแก้วขันขาน
        กระเหว่าจับกระวานส่งเสียง
        เค้าโมงจับโมกมองเมียง
        นกหกจับเหียงเคียงจร

วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2563

๑๑ เหตุผล💎 ทำไมสุนทรภู่จึงยืนหนึ่งในฐานะกวีเอกเสมอมา..

BookAbout  สุนทรภู่ ครูกวี ThaiPoet

ย้อนความหลังครั้งเก่าเงาอดีต ทั้งจารีตประเพณีที่สูญหาย

อีกสีสรรพ์วรรณคดีที่พริ้งพราย กับลวดลายนิทานเนิ่นนานมา

เพราะหนังสือถูกทัพดิสรัปชั่น มาห้ำหั่นจนสูญหายไปต่อหน้า

จึงสืบสานพอให้รู้ผ่านหูตา ตามประสาคนเก่า..อยากเล่าให้ฟัง...


คงจะมีคนสงสัยกันบ้างว่า ทำไมกวีเอกอย่างสุนทรภู่ถึงได้รับการยอมรับและยกย่องกันเป็นอย่างมาก ทั้งที่ไทยเรามีกวีฝีมือเยี่ยมและวรรณคดีชั้นครูอยู่มากมาย  วันนี้ เราจะมาดูกันว่า กระบวนกลอนสุนทรภู่มีความโดดเด่นอย่างไร ถึงทำให้ท่านยืนหนึ่งตลอดมา…..


รื่นไหลดังสายน้ำ

งดงามด้วยลีลา

อหังการ์เปี่ยมล้น

แยบยลในการเล่า

ปลุกเร้าจินตนาการ

แตกฉานในสัมผัส

เด่นชัดในในอารมณ์

อุดมสุภาษิต

สื่อชีวิตแนบเนียน

เขียนภาษาตลาด

ปราชญ์แห่งการใช้คำ

"สุนทรภู่"  SoonthornPoo Thai Great Poet


บางที นี่อาจจะเป็นบทสรุปงานของท่านภู่หรือสุนทรภู่ที่เรารู้จักกันดีในฐานะกวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ท่านถือเป็นกวีสี่แผ่นดิน คือเกิดในสมัยรัชกาลที่ ๑ แล้วมีชีวิตอยู่ต่อมาจนถึงรัชกาลที่ ๔  ท่านเกิดและเติบโตมาในรั้ววังหลัง เพราะมีแม่เป็นข้าหลวงอยู่ในวัง  ตอนที่ท่านเริ่มโตเป็นโจ๋อยู่แถววังหลังนั้น เป็นช่วงต้นรัชกาลที่ ๒ ที่ถือกันว่าเป็นยุคทองของวรรณคดีไทย  เพราะสังคมเริ่มสงบ เริ่มฟื้นตัวจากพิษสงครามกับพม่า   มีการติดต่อค้าขายกับฝรั่ง แขก จีน ไทยไปทั่วกรุงสยามสมัยนั้น  ท่านสุนทรภู่คงมีโอกาสคลุกคลีกับนักเดินทางและคนเรือสินค้าที่ขึ้นล่องผ่านแม่น้ำเจ้าพระยาเข้ามา ท่านจึงซึมซับความรู้เรื่องราวต่าง ๆ จากโลกภายนอกอย่างกว้างขวาง  ประกอบกับในรั้ววังหลังก็คงมีการละเล่น ร้องรำทำเพลงกันเป็นประจำ เช่น เล่าขานวรรณคดี ขับเสภา เล่นกลอนสักวา การละครฟ้อนรำ  บรรเลงมโหรีปี่พาทย์ สิ่งเหล่านี้ สุนทรภู่คงคุ้นเคยเป็นอย่างดี  เมื่อรวมกับนิสัยรักเรียนเขียนอ่านของท่าน  จึงไม่แปลกอะไรที่ท่านจะมีความรู้แตกฉานด้านการใช้ภาษาและสามารถนำออกมาใช้อย่างเชี่ยวชาญ…


ทีนี้ มาดูกันทีละข้อว่ากลอนของสุนทรภู่มีความโดดเด่นอย่างไร

โพสต์แนะนำ

สาระนิทาน ชุด ไม้ไทยใจดี 🍽 เรื่อง "ข.ข้าว ขาว ขาว"

เขียวเอย...เขียวพรมผืนใหญ่ ใครมาถักทอไว้ แลไกลสุดตา  เจียวเอย... ตัวฉันนั่นไง  ใบ ข้าว เขียวเขียว ยืนต้นเดี่ยวเดี่ยว  ร...