-->

วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2552

บทกวี >> เพลงกล่อมหมาบ้า



เจ้าหมาบ้าเอย... เจ้าหวนกลับมา ว่าจะตีท้ายครัว
น้ำลายฟูมปาก อยากจะฟัดไปทั่ว
ไม่รู้สึกตัว ว่ากำลังคลั่งเอย..


    เจ้าหมาบ้ามาแว้ว...ว..ว เอ้า! รีบแจวรีบหนี
    ขืนชักช้ารอรี ปฐพีคงเปื้อนเลือด

    มันคงฟัดจมเขี้ยว ขย้ำเคี้ยวด้วยดาลเดือด
    หนังจะเถือเนื้อจะเชือด จนลาญเละแหลกเหลว

ใครขืนแหลมเข้ามา ไม่ว่าฟ้าว่าเหว
จะจนดีมีเลว กูกัดไม่เลือกทั้งนั้น

จะฟาดฟัดสะบัดใส่ ให้สาใจอัดอั้น
อุตส่าห์หลบอยู่หลายวัน กว่าได้บ้าสมอยาก

    กูบ้าตามกติกา อย่ามาว่ากูอ้าปาก
    ไม่ต้องถางต้องถาก ว่าปากเหม็นเกินเหตุ

    เหวย! รอช้าอยู่ไย เหล่าหมาไทยหมาเทศ
    หรืออยากลองฤทธิ์เดช เขี้ยวหมาบ้าบี้บด

ทั้งหัวซอยท้ายซอย ต้องตามรอยตามกฎ
ใครแข็งข้อทรยศ ระวังจะอดบำเหน็จ

ตราบยังกัดไม่พอ ตราบยังล่อไม่เสร็จ
ยังตามล้างตามเช็ด ไม่สะเด็ดไม่สะเด่า

    อย่าหวังเลยว่าจะจบ ยอมสยบเลยนะเจ้า
    อย่างน้อยก็หอนเห่า เมาน้ำลายซะให้เข็ด

    จะขอลุยให้สุดลิ่ม จะแทงทิ่มให้ดุเด็ด
    ไม่ว่ากรวดว่าเพชร ไม่เกี่ยงเหล่าเกี่ยงสี

ขอป่วนเมืองอีกครั้ง ให้ตาตั้งกันถ้วนถี่
ใครหมาบ้าหมาดี มาต่อตีเดี๋ยวก็รู้

กูมีพวกคอยเชียร์ ทั้งนักเลียนักขู่
ล้วนพร้อมยอมพันตู เป็นพันธุ์กูทั้งนั้น

    ทั้งเขี้ยวคมเขี้ยวคด เขี้ยวกบฎเขี้ยวสั้น
    ล้วนแต่เชี่ยวเชิงชั้น เรื่องปากมันสัประยุทธ์

    ต่อให้เยี่ยมเทียมฟ้า ต่อให้ห้าเสาผุด
    ไม่ว่าชายว่าตุ๊ด ก็ขอท้า..กูบ้าเว้ย..ย..ย...!!!

เจ้าหมาบ้าเอย.. เจ้าหวนกลับมา ว่าจะชี้สองสถาน
ทางหนึ่งทึ้งเทพ ทางหนึ่งถึงมาร
หงุดหงิดงุ่นง่าน รอกลับบ้านเก่าเอย...

วันจันทร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2552

บทกวี >> อิทัปปัจจัยตา ๒๕๕๒



บทกวี >> อิทัปปัจจัยตา ๒๕๕๒

เพราะมีสิ่งนี้        จึงมีสิ่งนั้น
เพราะมีความฝัน    จึงมีความหวัง
เพราะมีความรัก    จึงหนักความชัง
เพราะยากเหนี่ยวรั้ง    จึงต้องติงเตือน

ชะลอใจให้หยุดนิ่ง
แล้วความจริงจะเปิดเผย
เวลาที่ผ่านเลย
จักอ้างเอ่ยถึงตัวตน

เรื่องราวบนโลกนี้
ล้วนย่อมมีเหตุและผล
มีค่าประสาคน
ผู้เกิดมาและตายไป

ความดึทึ่หลงทาง
จะสรรค์สร้างอะไรได้
ตีปลาที่หน้าไซ
แค่ฉาบไล้ด้วยลมลวง

สัจจะคือขจัด
สาปอสัตย์ที่หล่นร่วง
กล้าห้ามและถามทวง
ถึงธาตุแท้ทุกทางธรรม

เพียงอยู่นิ่งยังมิหนำ
ขอดค่อนด้วยคาวคำ
ให้ขลาดคว้าไม่กล้าชิง

เป็นกลางแล้ววางเฉย
เหมือนละเลยในบางสิ่ง
อิดออดและทอดทิ้ง
กลบความจริงอันโหดร้าย

แม้ใจจะใฝ่ธรรม
หากหนุนกรรมอันเสียหาย
ก็เงียบเหงาและเปล่าดาย
กวักเมฆร้ายมากลืนเมือง./




วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2552

หลักจำ 🌏 ชื่อเมืองหลวง – ประเทศทั่วโลก


โลกของเรา..ชื่อเมืองหลวง - ประเทศทั่วโลก

อังกฤษ – ลอนดอน / ลิสบอน – โปรตุเกส / ฝรั่งเศส – ปารีส / กรีซ – เอเธนส์ / สวีเดน – สต็อคโฮล์ม/ โรม – อิตาลี / นิวเดลฮี – อินเดีย / รัสเซีย – มอสโคว์ / ออสโล – นอรเวย์ / ไทเป – ไต้หวัน / เยอรมัน – เบอร์ลิน / ดับลิน – ไอร์แลนด์ / จอร์แดน – อัมมัน / เวียงจันทร์ – ลาว / นัสเซา- บาฮามาส์/ ออตตาวา – แคนาดา/
เมียนมาร์ – เนปิดอว์ / วอร์ซอ – โปแลนด์ / ฟินด์แลนด์ – เฮลซิงกิ / ฟิจิ – ซูวา / เคนยา – ไนโรบี / ตุรกี – อังการา / ฮาวานา – คิวบา / ลิมา – เปรู / โมกาดิสชู – โซมาเลียมาเลเซีย – กัวลาลัมเปอร์ / ไนเจอร์ – นิอาเม - เวเน (ซูเอลา)– คารากัส / อิสลามาบัด –ปากีสถาน / เนปาล – กัฐมันฑุ  /ซาอุ (ดิอารเบีย) – ริยาด / ลาปาซ – โบลิเวียโคลัมเบีย -โบโกตา /กัมพูชา – พนมเปญ /  บาห์เรน – มานามา / บอตสวานา – กาโบโรน / โซล – เกาหลี / ฮังการี – บูดาเปสต์ / บูคาเรสต์ – โรมาเนีย / อินโดนีเซีย–จากาตาร์ / อาร์เจนตินา - บิวโนสไอเรส /  
บังคลาเทศ – ดัคกา /  มอลโดวา – คีซิเนียฟ / เคียฟ – อูเครน / สเปน – มาดริด /  เคเรกิช – บิสเค็ก / เช็ก - ปราก / เดนมาร์ก – โคเปนเฮเกน / อิสราเอล – เทลอาวิฟ / อียิปต์ – ไคโร / โคลัมโบ – ศรีลังกา / แคนเบอรา –ออสเตรเลีย / ลิเบีย – ตริโปลี / เม็กซิโกซิตี – เม็กซิโก / โมรอคโค – ราบัต /  ฮอนดูรัส –เตกูซิกัลปา / มนิลา – ฟิลิปปินส์บราซิล– บราซิเลีย / บอสเนีย – ซาราเยโว /มอนเตวิเดโอ– อุรุกวัย / ปารากวัย – อะซูนซิโอน /  เซียราร๊โอน –ฟรีทาวนส์ / จอร์ชทาวน์ – กายอานา / อุสตานา - คาซัคสถาน / เตหะราน – อิหร่าน / ภูฐาน – ทิมพู /บากู – อาเซอร์ไบจัน /วอชิงตัน – สหรัฐอเมริกา / คอสตาริกา – ซานโฮเซ / ยาอุนเด – คาเมรูน / คาบูล – อาฟกานิสถาน / เวลลิงตัน – นิวซีแลนด์ / เนเธอร์แลนด์ – อัมสเตอร์ดัม / ดาเอสซาลาม – แทนซาเนีย / โครเอเชีย – ซาเกรฟ / กรุงเทพฯ –  ประเทศไทย / แอฟริกาใต้ – พริทอเรีย / ลิเบีย – ตริโปลี / ชิลี – ซานติอาโก /ปอร์โตโนโว – เบนิน / จีน – ปักกิ่ง / คิงสตัน – จาเมกา / ปานามา – ปานามา / โดฮา – กาตาร์ / ดาการ์ – เซเนกัลโอมาน– มัสกัต / วัลนิอัส –ลิทัวเนียบัลกาเรีย – โซเฟีย /  อัลบาเนีย – ติรานา / ริกา – ลัตเวีย / อาร์เมเนีย– เยเรวาน / ทาจิกิสถาน – ดูชานเบ / ฮาเรเร – ซิมบับเว / ลิลองเว –  มาลาวีบุรุนดี – บูจิมบุรา / ซานา – เยเมน / เบลเยียม – บรัสเซล /  เซเชลส์ – วิคตอเรีย / ตูนิเซีย – ตูนิส / เบลิซ – เบลโมแพน / ไอซ์แลนด์ – เรดยะวิก /  โมซัมบิก – มาปูโต /  สิงคโปร์ – สิงคโปร์ / โมนาโค –โมนาโค / ซานโตโดมิงโก– โดมินิกัน / อาร์เซอร์ไบจัน – บากู / มาเซรู – เลโซโท / กิโต – เอกวาดอร์ / อูลานบาตอร์ – มองโกเลีย / สโลวาเกีย – บราติสลาวา / อาบูจา – ไนจีเรีย / ซีเรีย – ดามัสกัส / วาดัซ –ลิคเตนสไตน์ / บรูไน – บันดาร์เสรีเบกาวัน / อึมบาบัน – สวาซิแลนด์สวิตเซอร์แลนด์ – เบิร์น .....ฯฯฯ





วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2552

บทกวี >> อสมานฉันท์ (๕)



เดินกันคนละที่                     ดีอยู่คนละทาง
เห็นเป็นคนละอย่าง              ต่างไปคนละมุม

รวมจึงกลายเป็นแบ่ง             แย้งกันทีละกลุ่ม
หนาวจึงร้าวระรุม                   สุมสะท้านในทรวง

ถูกกลับกลายเป็นผิด             คิดแล้วน่าเป็นห่วง
ดาวดับทีละดวง                    ร่วงหล่นฟ้าละลาน

ดินกลางดงคนดิบ                 หยิบเอาขึ้นมาหว่าน
สอดเป็นสร้อยสะพาน            สานต่อท่ออธรรม

เจ็บที่ไม่รู้จัก                         รักจึงโลดถลำ
มึนจนหัวคะมำ                      กรรมอีกแล้วละกู

หลุดจากอุ้งมือมาร                 พาลมาเจอตาอยู่
เห็นสมบัติศัตรู                      ดูอยากผลัดกันชม

เรือที่จ้องจะพาย                   กลายกำลังจะล่ม
ผลัดธนานิยม                       ชมอำมาตย์อาชญา

ปาก..ประชาเป็นใหญ่           ใจ...เห็นเป็นขี้ข้า
ที่ไม่ขัดศรัทธา                     ก็คว้าสนองกำนัล

เด็ดเอามาประดับ                 จับเป็นตัวประกัน
เห็นไหมเทพสวรรค์              ปั้นหน้าเรียงสลอน

คราบสุภาพบุรุษ                  หยุดเพราะเกลือเป็นหนอน
ขืนให้ตกตะกอน                  พรจะกลายเป็นพิษ

เด่นจะกลายเป็นด่าง            กร่างจะมาสวมสิทธิ์
สาปจะรุมทั่วทิศ                  ผิดจะมากันครบ

ปล่อยชงเองกินเอง              เกรงจะไม่สงบ
เมืองจะเรืองแนวรบ              หลบอย่างไรไม่พ้น

เพราะไม่หยุดที่อยาก           ลากกันมาแต่ต้น
ขุ่นจึงเคล้าระคน                 ปนกับแค้นคาเคือง

เครียดจะกลายเป็นคลั่ง       ทั้งเสื้อแดงเสื้อเหลือง
กังสดาลงานเมือง                เปลืองและเปล่าปลี้ไป./


วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2552

กวีวัจนะ: ร้อยกระบวนสำนวนไทย (๓) กาพย์ฉบัง

นกน้อยทำรังแต่พอตัว

นกน้อยทำรังแต่พอตัว เหมาะเจาะถ้วนทั่ว
เสาะสุขทุกครั้งประมาณตน

ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น หน่อเนื้อเชื้อผล
มิผิดเพี้ยนเผ่าพงศ์พันธุ์

หงิมหงิมหยิบชิ้นปลามัน งุบงิบเงียบงัน
คว้าสิ่งสำคัญก่อนใคร

ยืมจมูกคนอื่นหายใจ ขัดข้องเพียงไหน
ยากนักจักหาค่าคุณ
เปรียบคิดหวังพึ่งใบบุญ คนช่วยค้ำหนุน
บ่ห่อนสมหวังดังใจ

แมลงเม่าบินเข้ากองไฟ รังแต่มอดไหม้
เหลือหนทางตายสถานเดียว
เฉกชนไร้แล้งแรงเรี่ยว หาญฮึกขับเคี่ยว
กับอำนาจเหนือกว่าเหนือ

แกงจืดจึ่งรู้คุณเกลือ ยามมีเหลือเฟือ
บ่ห่อนรู้ค่าของใด
ถึงคราวสิพรากจากไป ฉุกคิดขึ้นได้
เสียดายคุณค่านับอนันต์

วัวใครเข้าคอกคนนั้น กรรมย่อมตามทัน
ผู้ก่อเฉกเช่นเงาตัว

เห็นกงจักรเป็นดอกบัว อับเฉาเมามัว
เกรอะบาปอาบชั่วนัวเนีย

ขายหน้าวันละห้าเบี้ย ระอาจิตคิดเพลีย
เรื่องราวฉาวฉู่มิรู้วาย

ปลูกเรือนผิดคิดจนเรือนทลาย พลั้งพลาดอาจสาย
รอบคอบคิดเห็นเป็นคุณ

พกหินดีกว่าพกนุ่น ใจย่อมค้ำจุน
ผู้เป็นเจ้าของครองคน

ใจหนักหนักด้วยเหตุผล ทุกถ้อยยินยล
ตริตรึกนึกข้อเคลือบแคลง

ใจเบาใครเขายุแยง เสกสรรค์ปั้นแต่ง
หลงเชื่อวิบัติซัดเซ

หนีเสือปะจระเข้ เรื่องร้ายจำเจ
หนีหนึ่งเจอะอื่นจัญไร

กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้ กว่าคิดแก้ไข
เหตุร้ายก็สายเกินการณ์

ปัดสวะให้พ้นหน้าบ้าน ทุกเรื่องพบผ่าน
ทอดธุระแค่พ้นไปที

ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้ มีผลย่อมมี
เหตุให้สืบสาวที่มา

กินบนเรือนขี้บนหลังคา เขาให้พึ่งพา
กลับคิดข้างเนรคุณพลัน

แย้มปากก็เห็นไรฟัน รู้เท่าทันกัน
ทุกถ้อยทุกท่าทีทำ

สอนจระเข้ให้ว่ายน้ำ สั่งสอนสิ่งซ้ำ
ตระหนักรู้ล้วนชวนหัว

ตัดช่องน้อยแต่พอตัว เพื่อนพ้องพันพัว
เล็ดลอดแต่เพียงลำพัง

เลือกที่รักมักที่ชัง กิเลสบดบัง
ลำเอียงทุกครั้งฟังความ

ช้าช้าได้พร้าเล่มงาม ขบคิดตรองตาม
ประจงจิตจ่อก่อสาน

สรรพสิ่งเขื่องโขโอฬาร แท้คือตำนาน
กำเนิดแห่งภัสมธุลี

ผ่านพลังสร้างสรรค์บรรดามี ผ่านวันเดือนปี
สุดท้ายจึงเห็นดั่งเห็น....


ร้อยกระบวนสำนวนไทย (๓) ฉบัง ๑๖
ร้อยกระบวนสำนวนไทย (๔)


โพสต์แนะนำ

สาระนิทาน ชุด ไม้ไทยใจดี 🍽 เรื่อง "ข.ข้าว ขาว ขาว"

เขียวเอย...เขียวพรมผืนใหญ่ ใครมาถักทอไว้ แลไกลสุดตา  เจียวเอย... ตัวฉันนั่นไง  ใบ ข้าว เขียวเขียว ยืนต้นเดี่ยวเดี่ยว  ร...