-->

วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

🌼 แก้ว : แพรพรรณบนเนื้อไม้

ลำนำดอกไม้  แก้ว  (Orange jasmine)

รวยรินกลิ่นกรุ่นพิกุลแก้ว
เจื้อยแจ้วสกุณาจ้าเสียง
เซ็งแซ่หาคู่มาเคียง
จำเรียงลำนำช้ำรัก
ป่านนี้เจ้าไปไกลที่ไหนหนอ
ปล่อยให้คนรอต้องทุกข์หนัก
โศกเศร้าเจียนตายช่างร้ายนัก
เหมือนหนามปักกลางใจไม่หน่ายพิษ..ฯ

แก้ว [Andaman Satinwood]
วงศ์ : Rutaceae
ดอกไม้..ให้คุณ


            
          เคยฟังเพลงที่ศิลปินล้านนาผู้โด่งดัง "จรัล มโนเพชร" เคยประพันธ์และขับร้องไว้อยู่้เพลงหนึ่ง ชื่อเพลง "น้อยไจยา" มีเนื้อความตอนหนึ่งว่า 'ดอกพิกุลก็คือดอกแก้ว'  ก็ให้สงสัยตงิด ๆ เลยไปค้นดู  ครับ..คนทางภาคเหนือเรียกดอกพิกุลว่า ดอกแก้ว จริง ๆ  ส่วนดอกแก้วที่เรารู้จักกันกลับไพล่ไปเรียกว่า แก้วพริก..

วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556

กวีวัจนะ 📃 ร้อยกระบวนสำนวนไทย (๔) กลอนสุภาพ

ร้อยกระบวนสำนวนไทย (๔)..กลอนสุภาพ


กลอนสุภาพ


ตำน้ำพริกละลายในแม่น้ำ
เผ็ดจะนำรสได้อย่างไรหนอ
เปรียบงานนิดคิดเสียเพลินจนเกินพอ
เขาเยินยอจ่ายไม่ยั้งหวังคำชม
เอาเนื้อหนูปะเนื้อช้างหวังเอาหน้า
กับมหาเศรษฐีมีเงินถม
เจียดสินทรัพย์อย่างโก้แท้โง่งม
เราล่มจมเขามากเพิ่มแค่นิดเดียว
หวังงานใหญ่อย่าลองเล่นเช่นยาจก
กุ้งฝอยตกปลากะพงคงเสียเที่ยว
ลงทุนน้อยกำไรมากยากนักเชียว
กว่าขับเคี่ยว กว่าได้การ นานนานที
ไม่เห็นน้ำด่วนไปตัดกระบอก
อาจเสียดยอกทุกข์ทนรนหาที่
ยังไม่ถึงเวลาค่าควรมี
ด่วนทำไปก็เปล่าปลี้มีแต่เปลือง
เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้างเอาอย่างเขา
เที่ยวเกลือกกลั้วมัวเมาไม่เข้าเรื่อง
เขามั่งมี เรามีมั่ง ตั้งตาเคือง
เลียนแบบความฟุ้งเฟื่องเซื่องเซื่องไป

กินข้าวร้อน นอนตื่นสายอย่างนายเหนือ
รักสบายอยู่ทุกเมื่อน่าเบื่อไหม
ทุกงานทำก็ฝืนทำเพราะจำใจ

เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ งอมือตีน
คอยผัดวันประกันพรุ่งมุ่งผัดผ่อน
ต้องเดือดร้อนเพราะพาทีไม่มีศีล
ใครจะรอต่อให้แน่แม้ปวีน
ยากป่ายปีนความสำเร็จเสร็จทันกาล
ปากเป็นเอก เลขเป็นโท โวหารเปรียบ
ยกทำเนียบวิทยามหาศาล
ยังเป็นรองร้อยรสพจมาน
ที่ขับขานออกไปให้คนยิน

วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

บทกวี >> บานประตู

บทกวี  บานประตู   https://planetpt.blogspot.com/

บานประตูมีไว้ให้เปิดกว้าง 
ใช่แค่เพียงอำพรางซ่อนบางสิ่ง 
หรือจำนนพ่ายแพ้อย่างแท้จริง 
จึงปิดตายไม่ไหวติงอยู่อย่างนั้น 

บานประตูมีไว้ใช่แค่แง้ม 
หากยังถูกแต่งแต้มด้วยสีสรรพ์ 
ที่รอการเปิดไขใช่ทางตัน 
แต่คือก้าวสำคัญสู่โลกงาม 

ถึงรั้วหนากล้าแกร่งกำแพงกั้น 
ก็ไม่อาจหยุดฝันอันไหวหวาม 
เพราะหัวใจนักสู้ทุกผู้นาม 
ไม่เคยหยุดติดตามหาตัวตน
 
ตราบรำเพยแห่งสายลมยังพรมพัด 
ไม้ยังผลัดใบบังยังร่วงหล่น 
กระแสแห่งศักดิ์ศรีเสรีชน 
ย่อมว่ายวนรี่ไหลในสำนึก
 
เมื่อแสงทองส่องเตือนการเคลื่อนไหว 
แสงก็ส่องห้องหัวใจให้รู้สึก 
สะทกสะท้อนวามวู่อยู่ลึกลึก 
ให้ตริตรึกลึกซึ้งถึงทางควร

วันพุธที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2556

นิทานชวนเพลิน 🦅 เรื่อง "นกแสงตะวัน"

นิทานหน้าจอ  นกแสงตะวัน  https://planetpt.blogspot.com/ฤดูหนาวปีนั้นช่างยาวนานเหลือ เกิน   ยาวนาน เสียจนท้องทุ่งเขียวขจี อันเป็นถิ่นที่อยู่ของสัตว์นานาชนิด   ต้องเปลี่ยนแปลงไป  ทุกหนทุกแห่งกลับกลายเป็นสีขาวโพลนของหิมะที่โปรยปรายลงมาอย่างไม่รู้จักจบสิ้น  แผ่คลุมความหนาวเย็นอันร้ายกาจกินอาณาบริเวณไปไกลแสนไกล

     สัตว์ต่าง ๆ พากันอพยพหนีหนาวไปจนสิ้น  บ้างที่หนีหนาวไม่ทัน    ก็ค่อย ๆ ทยอยล้มตายไปเป็นจำนวนมาก  ส่วนที่เหลืออยู่ก็อ่อนล้าโรยแรงลงไปทุกที  แม้แต่นกอินทรี ผู้ได้ชื่อว่า ราชาแห่งท้องทุ่งกว้าง  ก็ยังทนท้าความหนาวเย็นไม่ไหว  จำยอมละทิ้งความหยิ่งผยอง  ทิ้งตัวจากยอดไม้ลงมานอนฟุบอยู่กับกองหิมะอย่างสิ้นเรี่ยวแรง

         ห่างออกไปตรงชายเนิน  นกแซงแซวกับนกกาเหว่านอนทอดตัวนิ่งอยู่ใกล้ ๆ กัน  ไม่มีใครรู้ว่า นกทั้งสองเพียงแค่สลบไสลหรือลาจากโลกนี้ไปแล้ว  แต่ก็นั่นแหละ  ถึงยังมีชีวิตอยู่ก็คงยากที่จะหาความช่วยเหลือจากใครได้  เพราะในยามนี้  ทุกชีวิตล้วนตกอยู่ในสภาพเดียวกันทั้งนั้น  หนาว  เหนื่อย  และหิว  สิ่งเดียวที่พอจะทำได้ก็คือ  ประคองชีวิตให้รอด  เพื่อรอให้ฤดูหนาวอันทารุณนี้ได้ผ่านพ้นไปโดยเร็ว

นิทาน   นกแสงตะวัน        เจ้านกแสงตะวัน  มองความเป็นไปบนท้องทุ่งกว้างแห่งนี้ด้วยความเศร้าใจ  มันรู้สึกสงสารเพื่อนนกที่กำลังถูกทำร้ายจากความหนาวเย็นเป็นยิ่งนัก  ตัวมันเอง โชคดีที่ทิ้งถิ่นไปหากินทางใต้เสียนาน  โดยไม่ทันล่วงรู้มาก่อนว่าจะกลับมาเจอสภาพอากาศเลวร้ายเช่นนี้เข้า   ในตอนแรก  มันตั้งใจจะบินผ่านเลยไปเหมือนกับเพื่อน ๆ ของมัน  แต่เมื่อเหลือบเห็นเป็ดป่าฝูงหนึ่งกำลังดิ้นกระเสือกกระสนอยู่เหนือผิวน้ำ ที่กำลังแข็งตัวอยู่เบื้องล่าง  หมายที่จะโผบินขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างสิ้นหวัง  มันจึงตัดสินใจบินแยกจากฝูงลงมาเกาะบนยอดไม้บริเวณนั้น  และเพียงกวาดสายตามองไปรอบ ๆ    นกแสงตะวันก็พอจะคาดเดาได้ว่า  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทุ่งกว้างแห่งนี้ ร้ายแรงเกินกว่าที่มันจะนิ่งเฉยอยู่ได้

วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2556

บทกวี >> วิหคแห่งใจ

บทกวี >> วิหคแห่งใจ

เพราะความจริงไม่เหมือนกับนิยาย
และไม่คล้ายดังละคอนย้อนบทเก่า
จึงหวาดไหวใจสะท้านอยู่นานเนา
กับเงื้อมเงาวิปโยคและโชคร้าย

เราเดินมาไกลมากจากจุดเริ่ม
แปลบหัวใจดวงเดิมแสนเหน็ดหน่าย
เห็นแต่ความย่อยยับปนอับอาย
กับความล่มแหลกสลายของบ้านเมือง

บางทีการผ่านพ้นจึงค้นพบ
ภาพผู้คนยอมสยบราวสัตว์เชื่อง
ไม่ขัดขวาง ไม่ว้าวุ่น ไม่ขุ่นเคือง
นิ่งมันเสียทุกเรื่องเซื่องเซื่องไป

หยั่งรากลึกในอากาศเฝ้าวาดหวัง
คงสักครั้งรพิพรรณฉายวันใหม่
ระบายรุ่งรุ้งสวยช่วยอวยชัย
ขจัดภัยพ่ายแพ้แก่แผ่นดิน

การเดินทางกลางเถื่อนเหมือนไม่จบ
จึงพานพบเพียงคมลมบาดหิน
ไร้ความหมายไร้ค่าไร้ราคิน
ลมหายใจรวยรินเหมือนสิ้นแรง

วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2556

สารคดีสำหรับเด็ก เรื่อง พระอาทิตย์แสนดี


สารคดีเด็ก : พระอาทิตย์แสนดี  💓 👀
นิทานหน้าจอ  พระอาทิตย์แสนดี

สารคดีเด็ก (๑) พระอาทิตย์..แสนดี

เราทุกคนต่างมีพ่อมีแม่
สัตว์ทุกตัว ต้นไม้ทุกต้น
ต่างก็มีพ่อ มีแม่เหมือนกับเรา
พ่อแม่ คือผู้ที่ทำให้เราเกิดมา
ท่านเลี้ยงดูเรา ให้ความอบอุ่นแก่เรา
แม้แต่โลกที่เราอยู่อาศัยก็มีพ่อแม่
พ่อแม่ของโลกคือ พระอาทิตย์

นิทานหน้าจอ พระอาทิตย์แสนดีทุกทุกเช้า...
พระอาทิตย์จะนำความร้อนและแสงสว่างมาปลุกโลก
ปลุกต้นไม้ให้คลี่ใบบานออกรับแสง
ปลุกฝูงนกกาให้บินออกจากรังไปหากิน
คนและสัตว์ต่างก็พากันตื่นจากหลับ
พระอาทิตย์จะนำความร้อนและแสงสว่างมาปลุกโลก

ทุกชีวิตบนโลกต่างต้องพึ่งพาแสงอาทิตย์
หรือแสงแดดเพื่อการมีชีวิตอยู่ทั้งนั้น


ต้นไม้ต้องการแสงแดดในการสร้างอาหารเลี้ยงตัวเองให้เจริญเติบโต
ก่อนที่จะถูกสัตว์กินพืชกัดกินเป็นอาหารอีกที
แล้วสัตว์กินพืชก็กลายเป็นอาหารของสัตว์กินเนื้อและคนเราอีกต่อหนึ่ง
ทุกชีวิตบนโลกต่างต้องพึ่งพาแสงอาทิตย์ หรือแสงแดดเพื่อการมีชีวิตอยู่ทั้งนั้น
น้ำเค็มในทะเลและมหาสมุทร
ก็ต้องการความร้อนจากดวงอาทิตย์
เพื่อทำให้ตัวเองกลายเป็นน้ำจืด

วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

บทกวี >> คือกรวดเม็ดหนึ่ง

แค่กรวดเม็ดหนึ่ง
กูก็แค่กรวดเม็ดหนึ่ง
ซึ่งปริแยกแตกจากภูผา
จองจำเนิ่นผ่านกาลเวลา
ปรารถนาใดใดไป่มี

วันหนึ่งฟ้าอับดาวก็กราวก้อง
กู่ร้องฝนฟ้าอึงมี่
เพิงผาพลันพ่ายพับปฐพี
ครืนกระชากซากธุลีเกรียวกรู

กึกก้องกัมปนาทกราดเกรี้ยว
น้ำเชี่ยวโซรมซัดสาดซู่
กรวดก้อนซอนซับรับรู้
กูกระอักเกินกล้ำลำเค็ญ

ถัดถั่งท่องนทีรี่ไหล
ไปตามกระแสสินธุ์เตลิดเต้น
เกลือกกลิ้งทบท่าวหนาวเย็น
เคืองเข็ญคับแค้นแน่นใน

กูคือผู้แพ้แน่หรือ
กูล้า..รามือใช่ไหม
หรือกร้าวหรือแกร่งเกินไป
จึงน้ำโลมไล้เกลากลึง

วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

บทกวี >> รัฐธรรมนูญฉบับ..ตูเอง

รัฐธรรมนูญฉบับ..ตูเอง
มาตราหนึ่ง..ประเทศไทยมิใช่หนึ่ง
แต่จะต้องแบ่งครึ่งให้ถึงสอง
และต้องมีตัวกูเป็นผู้ครอง
ตีตราจองของใหม่ใหม่ได้คล่องมือ

มาตราสอง..ต้องมีประชาธิปไตย
ในเงื่อนไข..ยอมตามและห้ามหือ
พร้อมยอมทนสนตะพายคล้ายกระบือ
แลกกับซื่อคืออด..คดคือรวย

มาตราสาม..ห้ามมีตุลาการ
ที่ประจานคนจัญไรไม่เล่นด้วย
มาตราสี่..รัฐสภาต้องเฮงซวย
ยกมือช่วยรัฐบาลทุกกรณี

มาตราห้า...โทษอาญายังมีได้
แต่ต้องดูหน้าใครให้ถ้วนถี่
มาตราหก..การค้าต้องเสรี
แต่กูมีสิทธิควบมารวบเอา

มาตราเจ็ด...บุคคลมีเสรีภาพ
ที่จะงาบ...ที่จะเลว...ที่จะเผา
มาตราแปด...การศึกษาแต่วัยเยาว์
ต้องสอนให้โง่เขลาให้เชื่อฟัง

วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2556

บทกวี >> ต้นกล้าประชาภิวัฒน์

                เรามาไกลเกินกว่าหันหน้ากลับ จึงควรยิ้มต้อนรับการเมืองใหม่
เรามาไกลเกินกว่าหันหน้ากลับ
จึงควรยิ้มต้อนรับการเมืองใหม่
เพื่อเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทย
สู่ธรรมาธิปไตยในโลกา

ผิดนักหรือที่จะถางทางกำหนด
เพื่อจัดวางอนาคตในวันหน้า
เพื่อการเมืองไม่ต้องชี้ที่ราคา
ไร้เบื้องหลังเบื้องหน้ามารวบรัด

พอกันทีอัปรีย์ไป จัญไรมา
พอกันทีกับหมูหมาสารพัดสัตว์
พอกันทีประชาธิปไตยแบบไล่ยัด
หยุดวิบัติแผ่นดินเสียบัดนี้

วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2556

บทกวี >> คารวะนักสู้

บทกวี >> คารวะนักสู้
คารวะนักสู้ผู้กล้าก้าว
ซึ่งปวดร้าวกับความจริงสิ่งที่เห็น
เมื่อสังคมวันนี้มีอันเป็น
เธอตอบแทนผู้ทุกข์เข็ญเหมือนเช่นเคย


กลางความวิปโยคโศกสมัย
ในหัวใจคนจริงยากนิ่งเฉย
ทุกเวลานาทีที่ผ่านเลย
ยิ่งเฉยเมยหนามเสนียดยิ่งเสียดแทง


กาลกิณีผีร้ายที่ร่ายร้อง
ขยับกรับขับทำนองเสียดแสยง
ปฎิกูลอวดกลิ่นกล้าท้าลมแรง
ยิ่งดาลเสียงสาปแช่งให้แผลงฤทธิ์


เมื่่อสาวเท้าก้าวหนึ่งหรือครึ่งก้าว
จะก้าวยาวก้าวสั้นนั่นเป็นสิทธิ์
แต่ที่หมายจักหดสั้นวันละนิด
และชีวิตย่อมสมฝันในบั้นปลาย

วันพุธที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2556

บทกวี >> สวัสดี คุณครู

ขอกราบครูผู้จุดเทียนการเขียนอ่าน
สวัสดีคุณครูผู้สอนศิษย์ 
คารวะตั้งจิตอธิษฐาน  
เทิดฐานะคำว่า ครู..อาจารย์ 
ดุจสะพานปัญญาแห่งธาตรี 

ขอกราบครูผู้จุดเทียนการเขียนอ่าน 
มุ่งสืบสานวิทยาโดยหน้าที่ 
เป็นรอยบุญหนุนนำคุณความดี 
ตามวิถีที่มนุษย์ควรรุดไป 

เพราะชีวิตวุ่นว้างบนทางเปลี่ยว 
ช่างคดเคี้ยวโขดเขินเกินวิสัย 
จะฝันข้ามตามรักสู่หลักชัย 
โดยขาดไร้ผู้แผ้วถางนำทางตน 

ครูผู้เอื้ออาทรจึงสอนสั่ง 
เพียรต่อตั้งเฝ้าสังเกตให้เหตุผล 
ขับคุณค่าความงามความเป็นคน 
บนถนนสายเวลาอนาคต 

ละล่องลอยคล้อยเคลื่อนเดือนปีคล้อย 
เรือชีวิตแล่นลอยตามบาทบท 
ครูยังคงเป็นครูผู้งามงด 
ไม่ราลดหมายศิษย์นี้ดีกว่าเดิม 

วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2556

บทกวี >> ทัณฑ์กามเทพ

เขาว่ารักสร้างหวังคนทั้งโลก  ไยบันดาลทุกข์โศกเสียยิ่งกว่า
จะก้าวเท้าก้าวหนึ่งหรือครึ่งก้าว จะก้าวยาวก้าวสั้นใช่ปัญหา สุดท้ายเมื่อพ้นผ่านกาลเวลา ย่อมสมดังเจตนาหรือปราชัย เมื่อมีหนึ่งมีสองต้องมีสาม ที่ติดตามตัวตนตั้งต้นใหม่ เดี๋ยววูบวับเดี๋ยวอับปางเดี๋ยวร้างไกล เดี๋ยวสดใสเดี๋ยวโฉดเขลาเดี๋ยวเศร้าซึม ใจเอยใจไยเจ้าจึงเขลานัก มาติดปลักเกลียวกวนอวลกระหึ่ม เผชิญคลื่นความเหงาอันเทาทึม กลางหมอกครึ้มอ้อยอิ่งชิงชวยชาย ดังวิหคปีกวิ่นบินผ่านฝน ฝ่าความมืดมัวมลอันเหน็ดหน่าย ไม่อาจกลับไม่อาจรู้อยู่หรือตาย รอเพียงพ่ายหรือพ้นจากโพยภัย รักไม่เคยปรานีที่จะรั้ง ครั้นหยุดยั้งกลับมิเกรงเร่งผลักไส ส่งไปที่เรือนหวังกำลังใจ พอเฉียดใกล้กลับทึ้งดึงกลับมา

วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2556

บทกวี >> สื่อมารชน

สื่อมารชน  กระดาษเปื้อนหมึก
เคยเป็นเช่นกระจกเงาทุกเช้าตรู่
ส่องสัญญาณการรับรู้ผู้คนเห็น
ฉายความทุกข์ปลุกสำนึกอันลึกเร้น
จนโดดเด่นได้ชื่อ ‘สื่อสาระ’

สร้างมติมหาชนบนหยาดหมึก
จารบรรทึกสรรพปัญญาวิสาสะ
เหมือนแสงทองส่องทางสร้างพันธะ
โดยสัจจะปกปักคคนางค์

จนคืนร้าว...
แล้วจันทร์แรมก็ลัดหาวอยู่ไม่ห่าง
ขับอุษาคอยเยือนให้เลื่อนราง
ปล่อยหมอกเมฆขุ่นคว้างเข้ารุมเมือง

วันอังคารที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2556

บทกวี >> พลับพลึงธาร ~ รันทดบทสุดท้าย


พลับพลึงธาร ~ รันทดบทสุดท้าย
ตะวันทอแพรแสดกลางแดดกล้า พยับพร่างมายาเริงฟ้าใส ลมพรูพัดสะบัดโบกโยกกิ่งไกว หมู่พฤกษ์ไพรเนืองนับเร่งจับจูง พลับพลึงธารบานเร้นลับกับสายน้ำ ขับลำนำบุษบากลางป่าสูง แก้วกาฮังสวยสล้างแข่งยางยูง บ้างพลัดฝูงรำฟ้อนริมหาดทราย หมู่กวางทรายร่ายรินมากินหญ้า พยัคฆาหลบเร้นเขม้นหมาย กระทิงโทนขวับเคี้ยวอยู่เดียวดาย แล้วภาพแห่งความตายก็ฉายมา ๒. เรือใบไม้ไหวสะท้านผ่านดงดิบ ยินเพียงเสียงกระซิบอันแปลบปร่า เราคือซาก..คือวิบัติ..พัฒนา จักเยือนคลองนาคาในเร็ววัน เรือใบไม้ถอนสะอื้นคืนสงัด กลางรกชัฏป่าเปลี่ยวเลี้ยวลดหลั่น เย็นน้ำใสไหลเริงเป็นเชิงชั้น ราวสวรรค์ในนิทานนานมาแล้ว

โพสต์แนะนำ

สาระนิทาน ชุด ไม้ไทยใจดี 🍽 เรื่อง "ข.ข้าว ขาว ขาว"

เขียวเอย...เขียวพรมผืนใหญ่ ใครมาถักทอไว้ แลไกลสุดตา  เจียวเอย... ตัวฉันนั่นไง  ใบ ข้าว เขียวเขียว ยืนต้นเดี่ยวเดี่ยว  ร...