-->
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ นิทานเด็ก แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ นิทานเด็ก แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

นิทานชวนเพลิน 🧚‍♂️ กระเต็นน้อยหลงรัง

นิทานหน้าจอ  https://planetpt.blogspot.com/

เช้าวันนี้ อากาศแจ่มใสจริง   กระเต็นน้อยนึกในใจ ขณะกำลังบินเล่นลมเหนือสายน้ำใหญ่ ใกล้รังริมน้ำ
อย่างเพลิดเพลิน 
 
นก กระเต็นน้อยธรรมดา
      วันนี้  เป็นวันที่สามแล้วที่แม่นกปล่อยให้กระเต็นน้อยออกหากินตามลำพัง  “ตอนนี้ เจ้าก็ปีกกล้าขาแข็งพอที่จะต่อสู้ชีวิตได้ด้วยตัวเองแล้ว  เจ้าต้องไม่ทำให้แม่ผิดหวังนะ ลูกรัก” นึกถึงคำของแม่แล้ว  ทำให้กระเต็นน้อยต้องขยับปีกบินเร่งความเร็วอย่างลืมตัว  ด้วยความภาคภูมิใจและมั่นใจในพละกำลังของตนเป็นยิ่งนัก 

     ทันใดนั้นเอง กระเต็นน้อยก็ได้ยินเสียงอากาศแหวกวู่มาทางเบื้องหลัง   เมื่อหันไปมองก็ตกใจแทบสิ้นสติ เจ้าเหยี่ยวใหญ่ ศัตรูตัวร้ายของบรรดานกเล็กนั่นเอง   กำลังบินตรงเข้ามาหาอย่างมุ่งร้ายเต็มที่  กระเต็นน้อยบินถลาไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต   แต่ยิ่งบินไป บินไป ก็ยิ่งได้ยินเสียงเจ้าเหยี่ยวใหญ่ดังใกล้เข้ามาทุกที
 
https://planetpt.blogspot.com/

กระเต็นน้อยตัดสินใจบินหักหลบเข้าข้างทาง พุ่งตัวลัดเลาะไปตามสุมทุมพุ่มไม้ลึกเข้าไปในป่าใหญ่ไม่ยอมหยุด บิน..บิน..และบิน ทางโน้นที ทางนี้ที กระทั่งสิ้นเรี่ยวแรงที่จะบินต่อไป... 

      กระเต็นน้อยเหลียวไปมองด้านหลังอีกครั้ง   เหยี่ยวใหญ่หายไปแล้ว  ปลอดภัยเสียที กระเต็นน้อยถอนหายใจอย่างโล่งอก  ก่อนที่จะบินไปเกาะพักยังกิ่งไม้ใหญ่เบื้องหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน   อดมองไปรอบ ๆ อีกครั้งไม่ได้ด้วยความหวาดระแวง  และแล้ว...ก็ต้องใจหายวาบ เมื่อพบว่า ที่ที่ตนอยู่ขณะนี้ เป็นที่แปลกตาซึ่งไม่เคยพานพบมาก่อน  แม้กระทั่งแม่น้ำสายใหญ่ที่อยู่ห่างไกลออกไป  ก็ดูเหมือนไม่ใช่แม่น้ำสายเดิมเลย  โอ...ตายละ  นี่มันที่ไหนกันนี่ 

     กระเต็นน้อยเริ่มตกใจกลัว เขาหาทางกลับบ้านไม่ถูกเสียแล้ว เพราะความตกใจ ได้แต่คิดเอาชีวิตให้รอดพ้นเงื้อมมือเจ้าเหยี่ยวร้ายตัวนั้น  จึงลืมจดจำทิศทางเสียสนิท  รู้อยู่อย่างเดียวว่าบินมาไกลเหลือเกิน  ดวงอาทิตย์ก็เริ่มบ่ายคล้อยไปแล้ว อีกไม่นานก็เย็นค่ำ  โอย...แย่แน่ ๆ เลย    กระเต็นน้อยสะอื้นฮั่ก... 

วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

สาระนิทาน ชุด ไม้ไทยใจดี 🌿 "ไผ่น้อย..ธรรมดา"

สารนิทาน ไม้ไทยใจดี https://planetpt.blogspot.com/ในป่าเบญจพรรณ
มีพันธุ์ไม้ใหญ่น้อย นับร้อยนับพัน
พ่อแม่พี่น้องของฉัน
ต่างเกิด โต ตาย ที่นั่น เสมอมา

ฉันเป็นพืชตระกูลหญ้า
แต่ต้นโตกว่า เลยเรียกกันว่า"ไผ่"
ญาติพี่น้องมากหน้า มีหน้าตาแตกต่างกันไป
บ้างใบเล็ก บ้างใบใหญ่
บ้างเป็นพุ่ม บ้างเป็นกอ
แต่ล้วนตั้งลำแบ่งข้อ แตกหน่อที่ตา

เขาว่ากันว่า ฉันคล้ายผู้หญิง
ดูดูก็จริง เพราะฉันอ่อนไหว
ฉันชอบร้องเพลง ฉันชอบลู่ลม
เป็นเหมือนม่าน เหมือนพรม
ช่วยกันห่มไม้ใหญ่

ถึงคราวฟ้าพิโรธ ลงโทษป่าด้วยไฟ
ฉันก็พลอยผสม ระเริงลมเต็มที่
ที่ฉันทำอย่างนี้ เธอคงว่าไม่ดีใช่ไหม

แต่ที่จริงฉันทำเพื่อไม้อ่อน
เขาอ้อนวอนขอเติบใหญ่



https://planetpt.blogspot.com/
ฉันจึงต้องเปิดป่า ให้ใบหญ้าได้ระบัด
เป็นโรงอาหารของสัตว์ นานา

วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2555

สาระนิทาน ชุด ไม้ไทยใจดี 🍽 เรื่อง "ข.ข้าว ขาว ขาว"

planetp - สารนิทาน ชุด ไม้ไทยใจดี

เขียวเอย...เขียวพรมผืนใหญ่
ใครมาถักทอไว้
แลไกลสุดตา  เจียวเอย...





ตัวฉันนั่นไง  ใบข้าว
เขียวเขียว
ตัวฉันนั่นไง  ใบข้าวเขียวเขียว
ยืนต้นเดี่ยวเดี่ยว  รวมกับพวกดาษดื่น
ล้วนญาติวงศ์พงศ์เผ่า  ชาวนา ชาวน้ำ
เขามาปัก มาดำ      จนเติบโตเป็นผืน

เขาทำกันอย่างนี้                   เกือบหมื่นปีนับได้
แถบเอเชียออกใต้                   ก่อนแพร่หลายไปที่อื่น
ว่ากันตามหลักฐาน  แค่บ้านเชียงของเรา พวกเครื่องปั้นดินเผา  คลุกแกลบข้าวยืนพื้น
ว่ากันตามหลักฐาน     แค่บ้านเชียงของเรา
พวกเครื่องปั้นดินเผา  คลุกแกลบข้าวยืนพื้น

จึงพอชี้ให้เห็น           ฉันเป็นที่รู้จัก
แต่โบราณนานนัก      ช่วยให้คนอยู่ยีน

เปรียบเสมือนเพื่อนรัก  ที่แน่นหนักกว่าใคร
มีรักจริงยิ่งใหญ่       ถึงยอมให้..เคี้ยวกลืน


จึงพอชี้ให้เห็น    ฉันเป็นที่รู้จัก   แต่โบราณนานนัก   ช่วยให้คนอยู่ยีน



ดูกันแค่หน้าตา                       ฉันอาจเหมือนหญ้าอื่นอื่น
แต่ความจริงฉันแปลก           แตกต่างตรงข้อต่อ
มี “เยื่อกันน้ำ” เหนือข้อ     กับ “ตะขอ” คล้ายเขี้ยว
ส่วนพวกหญ้าสารพัน           เขามีกันอย่างเดียว
ไม่เยื่อกันน้ำก็เขี้ยว              ประกบติด “คอใบ”

วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

สาระนิทาน ชุด ไม้ไทยใจดี 🍌"เรื่อง กล้วย..กล้วย"

ฉันคือต้นไม้ธรรมดา รูปร่างหน้าตาแบบกล้วยกล้วย
ฉันคือต้นไม้ธรรมดา
รูปร่างหน้าตาแบบกล้วยกล้วย
ไม่เคยรู้สึก รู้สา
ก็จริงนี่นา  ฉันชื่อ...กล้วย

  ฉันชอบบุกเบิกดงดอน
ตามป่าเมืองร้อน ป่าดิบเขา
ห่มดินให้แล้งหาย..คลายร้อนเร่า
ปลุกพืชหลายเหล่า  มาเป็นเพื่อนคุย

ฉันชอบบุกเบิกดงดอน ตามป่าเมืองร้อน ป่าดิบเขา
จากป่ามาเคียงรั้วบ้าน
ยืนอยู่เหย้า ประจำยาม
พร้อมพวกพี่น้อง..เพื่อนน้ำ
กำหนดนามแตกต่างกันไป




กล้วยหอม  กล้วยน้ำว้า  กล้วยตานี
กล้วยมณี  กล้วยหักมุก  กล้วยไข่

พี่น้อง..เพื่อนน้ำ กำหนดนามแตกต่างกันไป
กล้วยนาก  กล้วยเล็บมือ  กล้วยน้ำไท
กล้วยใต้  กล้วยส้ม  กล้วยหอมจันทร์

วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2553

นิทานรักษ์โลก 🐠 เรื่อง "ปลาสาวเจ้าปัญญา"

นิทาน (๑) ปลาสาวเจ้าปัญญาบึงเล็ก ๆ ริมทุ่งนาแห่งหนึ่งมีน้ำใสสะอาด ดอกบัวหลากสีบานสะพรั่งทั่วผืน
น้ำ สลับกับหมู่ไม้น้ำที่ขึ้นกระจายกันเป็นหย่อม ๆ ลึกลงไปมีสาหร่ายสีเขียว
เป็นริ้วระลอกอุดมสมบูรณ์เป็นแหล่งพักพิงของฝูงปลาและเหล่าสัตว์น้ำได้
อาศัยอยู่อย่างมีความสุข โดยมีตะพาบน้ำชราตัวหนึ่งคอยดูแลบึงเล็ก ๆ
แห่งนี้ให้มีความสงบสุขตลอดมา

นิทาน (๑) ปลาสาวเจ้าปัญญา วันหนึ่ง ขณะที่ปลาสาวตัวหนึ่งกำลังว่ายน้ำเล่นอย่างเพลิดเพลิน เธอก็เหลือบไปเห็นกบตัวหนึ่งกระโดดผ่านหน้าไป
“อ้าว คุณกบ จะไปไหนน่ะ” ปลาสาวร้องทัก
“ก็ว่าจะขึ้นไปหาแมลงที่ชอบมากินใบข้าวในนาฟากโน้นนั่นแหละ
จะเอาบ้างไหมล่ะ ขากลับจะได้เอามาฝาก” กบร้องตอบ

“ไม่ละจ้ะ ขอบใจ ว่าแต่ทำไมต้องไปไกลนักล่ะ แถวนี้ก็มีนี่นา วันก่อนพ่อเขียดเขายังบอกเลยว่าเขาพบแมลงนอนเกลื่อนอยู่แถวโน้นตั้งเยอะแยะ ฉันยังนึกว่าสบายไปแล้วเสียอีกที่หาอาหารได้ง่าย ๆ “
“ฮื่ย..ย..แมลงพวกนั้นกินได้เสียที่ไหนกันล่ะ ตัวแข็งยังไงพิกล เผลอกินเข้าไปทีเป็นคลื่นไส้ทุกที
ฉันไม่เอาด้วยหรอก แหวะ..”
“ฮื่ย..ย..แมลงพวกนั้นกินได้เสียที่ไหนกันล่ะ ตัวแข็งยังไงพิกล เผลอกินเข้าไปทีเป็นคลื่นไส้ทุกที"กบทำท่าหวาดเสียว
“ตายจริง” ตะเพียนสาวอุทาน “ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นล่ะ”
“ก็ไม่รู้เหมือนกันแหละ รู้แต่ว่าเดี๋ยวนี้ ฉันจะไม่ยอมกินแมลงที่ตายแล้วเป็นอันขาด เฮ้อ..แย่จริง ไอ้ตัวเป็น ๆ ก็หายากเหลือเกิน ไปไหนกันหมดก็ไม่รู้” กบบ่นพึมพำก่อนกระโดดหยอย ๆ จากไป
ด้วยความเป็นปลาช่างคิด เธออดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมแมลงที่ตายแล้วถึงกินไม่ได้
“นี่ถ้าขึ้นไปบนบกได้อย่างกบก็ดีสินะ” เธอคิด “เผื่อจะได้รู้บ้างว่าเกิดอะไรขึ้น”
วันรุ่งขึ้น ปลาสาวว่ายน้ำเล่นอยู่ริมบึงเช่นเคย ขณะนั้นเอง เธอก็เห็นปูนาตัวหนึ่งเดินผ่านมาท่าทางดูแปลกไปจนอดไม่ได้ที่จะร้องถาม “สวัสดีจ้ะ ปูนา เป็นอะไรหรือเปล่า ดูเธอเดินไม่ค่อยไหวเลยนี่”
“อือ..ม์ มันเพลีย ๆ ยังไงก็ไม่รู้ หมู่นี้ ไม่ค่อยสบายอยู่เรื่อยเลย”
“ไปทำอะไรมาล่ะ” ปลาสาวซัก
“ก็ไม่เห็นได้ทำอะไรเลยนี่ ฉันก็ไปกัดกินต้นข้าวในนาตามปกตินั่นแหละ เอ๊ะ! รึว่าต้นข้าว ใช่แล้ว..
สงสัยต้องเป็นต้นข้าวแน่ ๆ เลยที่ทำให้ฉันปวดหัว โอย..ตายละ ทีนี้จะทำยังไงดีล่ะ ถ้าเกิดต้นข้าวเกิดกินไม่ได้ขี้นมาจริง ๆ “ ปูนาตีโพยตีพาย
ตะเพียนสาวโบกหางไปมาอย่างใช้ความคิด เธอชักเอะใจขึ้นมาแล้วว่า ท้องนารอบ ๆ บึงแห่งนี้มีอะไรบางอย่างที่เป็นอันตรายต่อตัวเธอและเพื่อน ๆ เธอไม่รู้หรอกว่าแท้ที่จริงแล้ว


พวกชาวนานั่นเองที่เป็นต้นเหตุ พวกเขาอยากให้ข้าวโตเร็ว ๆ อยากได้ข้าวมาก ๆ เลยเอายาฆ่าแมลงมาฉีดใส่ต้นข้าว เอาปุ๋ยเคมีพวกชาวนานั่นเองที่เป็นต้นเหตุ พวกเขาอยากให้ข้าวโตเร็ว ๆ อยากได้ข้าวมาก ๆ เลยเอายาฆ่าแมลงมาฉีดใส่ต้นข้าว เอาปุ๋ยเคมี
มาใส่ในนาจำนวนมาก จนทำให้พวกหนอน พวกแมลงตายเกลื่อน โดยที่พวกชาวนาเองก็ไม่รู้ว่าพิษภัยของมันได้ทำให้สัตว์อื่นที่อยู่ใกล้ ๆ แถวนั้น พลอยได้รับอันตรายไปตาม ๆ กัน...
“โอย..อูย...โอย...โอย..” ปลาสาวสะดุ้งคืนจากความคิด เมื่อได้ยินเสียงร้องดังมาไม่ไกลนัก เธอรีบว่ายน้ำไปดูก็พบแม่เตาดำตัวหนึ่งกำลังนอนร้องโอดโอยอยู่ที่ริมตลิ่งแม่เตาดำตัวหนึ่งกำลังนอนร้องโอดโอยอยู่ที่ริมตลิ่ง มีสัตว์น้ำหลายตัวมุงอยู่กันเต็ม
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ แม่เต่าดำเป็นอะไรไปหรือ” ปลาสาวร้องถามแมลงดานาที่อยู่
ใกล้ ๆ
“ฉันก็ยังไม่รู้เหมือนกัน ได้ยินว่าเขาไปกินผักบุ้งตรงปลายนาโน่น แล้วก็เกิดปวดท้องจนทนไม่ไหว เดี๋ยวหมอกุ้งก็คงมาแล้วละ พ่อกระดี่เขากำลังไปตามอยู่ โน่นไง มาโน่นแล้ว ปู่ตะพาบก็มาด้วย ไปดูกันเถอะ” แมลงดานาชักชวนปลาสาว
“เอาละ หลาน ๆ ฟังทางนี้” ตะพาบชราร้องเรียกสัตว์ทุกตัวที่อยู่บริเวณนั้น หลังจากเข้าไปดูหมอกุ้งรักษาพยาบาลแม่เต่าดำจนเสร็จ
“พวกเราคงรู้กันบ้างแล้วว่า บึงน้ำของเรากำลังจะไม่ใช่ที่อยู่อันสงบสุขของพวกเราอีกต่อไปแล้ว
หลายวันมานี้ พวกเราบางตัวไม่สบาย บางตัวถึงตายไปแล้วก็มี ปู่และหมอกุ้งได้ปรึกษากันมาหลายวันแล้ว  ได้ความว่าพวกมนุษย์ที่ทำนานั่นเองที่สร้างปัญหา...
“เขาทำอะไรพวกเราน่ะ แล้วพวกเราจะต้องตายกันหมดไหม” หลายส่งเสียงจ้อกแจ้กระงมไปหมด

“เดี๋ยว..เดี๋ยว เงียบ ๆ กันหน่อย” ปู่และหมอกุ้งได้ปรึกษากันมาหลายวันแล้ว  ได้ความว่าพวกมนุษย์ที่ทำนานั่นเองที่สร้างปัญหา...ปู่ตะพาบทำสัญญาณปราม
“ปู่ว่าที่จริงพวกมนุษย์เขาก็คงไม่ได้มีเจตนาทำร้ายพวกเราให้ตายหรอก เพียงแต่เขาอาจไม่ทันได้คิดอะไร นอกจากอยากให้ต้นข้าวของพวกเขาโตเร็ว ๆ เลยใส่สิ่งที่เรียกว่า “ยาปราบศัตรูพืช” ลงไปเพื่อป้องกันแมลงไม่ให้ไปรบกวนต้นข้าวของเขา ทีนี้ เมื่อใส่มาก ๆ เข้า มันก็เลยทำให้สัตว์อื่น ๆ พลอยไม่สบายไปด้วย โดยเฉพาะพวกที่ชอบกินแมลงเป็นอาหารอย่างนก กบ เขียดรวมทั้งปลาบางชนิด สัตว์อื่น ๆ พลอยไม่สบายไปด้วย โดยเฉพาะพวกที่ชอบกินแมลงเป็นอาหาร ตอนนี้ ทุ่งนารอบ ๆ บึงของเรามียาพวกนี้เต็มไปหมด อีกหน่อยก็คงลงมาในน้ำ ทีนี้ละ พวกเราทุกตัวก็คงหนีไม่พ้น ต้องตายกันหมดแน่ ๆ ถึงดอกบัวในน้ำก็ถอะ คงต้องเฉาตายเหมือนกัน” ตะพาบชรามองสัตว์ทุกตัวด้วยความสงสาร

ที่เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้น ก็เพราะพวกมนุษย์เขาอาจไม่รู้ก็ได้ว่า ได้ทำอะไรลงไป
“ตายละ แล้วทีนี้พวกเราจะทำยังไงกันดีล่ะ ปู่” สัตว์ตัวหนึ่งถามขึ้น
“ปู่ก็ไม่รู้เหมือนกันแหละ หลานเอ๊ย” ปู่ตะพาบตอบ “เราไม่มีทางทำอะไรได้หรอก นอกจากพวก
มนุษย์เขาจะเห็นใจเรา ไม่ปล่อยสิ่งมีพิษลงมาในน้ำอีก”
“ใช่แล้วละ นึกออกแล้ว” ปลาสาวร้องขึ้นอย่างดีใจ “บางที ที่เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้น ก็เพราะพวกมนุษย์เขาอาจไม่รู้ก็ได้ว่า ได้ทำอะไรลงไป.. ถ้างั้น เราก็หาทางบอกพวกเขาสิ ปู่ ทำอะไรสักอย่างให้เขารู้ให้ได้..”
“จริงซี” ปู่ตะพาบคล้อยตาม “แต่เราจะบอกเขาได้ยังไงล่ะ ไม่มีใครพูดภาษาคนได้นี่”
“เอาอย่างนี้สิ” เธอเอียงตัวเข้าไปซุบซิบบอกแผนการให้ปู่ตะพาบฟัง
รุ่งขึ้น เมื่อชาวนามาถึงทุ่งนาก็ต้องรู้สึกประหลาดใจ เมื่อเห็นสัตว์เล็ก ๆ นอนตายเกลื่อน

รุ่งขึ้น เมื่อชาวนามาถึงทุ่งนาก็ต้องรู้สึกประหลาดใจ เมื่อเห็นสัตว์เล็ก ๆ นอนตายเกลื่อน ปลาสาวเจ้าความคิดนั่นเองที่บอกให้เพื่อน ๆ ของเธอช่วยกันกระจายข่าวสารพิษในนาข้าวที่ชาวนาเอามาใส่ไว้ให้เพื่อนสัตว์ที่อาศัยตามท้องนารับรู้ และให้ช่วยกันแกล้งทำเป็นนอนตายให้ชาวนาเห็น ขณะเดียวกัน พวกสัตว์น้ำก็พากันลอยเป็นแพทุกครั้งที่คนมาตักน้ำ หรือเก็บดอกไม้ในบึง จนพวกชาวนาชักไม่สบายใจขึ้นทุกที
“เอ..หมู่นี้บ้านเราดูมันมีอะไรแปลก ๆ พิกล” ชาวนาคนหนึ่งปรับทุกข์กับเพื่อน “ไปไหนมาไหนก็
ได้เห็นนก หนู ปู ปลา ตายกันเรื่อยเชียว ดูท่าชักจะไม่ค่อยดีแล้วละ”
“นั่นสิ ถึงว่าเถอะ แม้แต่ไอ้ทุยของฉันก็ดูซึม ๆ ไป ฉันว่าลองไปหาผู้ใหญ่ดูดีไหม เผื่อแกจะช่วยได้บ้าง”
ผู้ใหญ่เรียกประชุมลูกบ้านและบอกทุกคนว่า ยาและสารเคมีที่พวกเขานำไปใส่ต้นข้าวนั้น มีผลร้ายอย่างไรบ้างอย่าลืมที่ปู่ตะพาบบอกไว้แล้วกันนะ อย่าเผลอไปเที่ยวกัดกินต้นข้าวของชาวนาเรื่อยเปื่อยอีกล่ะ เดี๋ยวเขาเดือดร้อน..
“เฮ่ย..เรื่องแบบนี้ผู้ใหญ่คงช่วยอะไรไม่ได้หรอก ข้าว่าเราไปถามหมอในเมืองดีกว่ามั้ง ไป..ไปด้วยกัน”
เหตุการณ์ดำเนินไปตามแผนของพวกสัตว์ เมื่อหมอในเมืองทราบเรื่องและมาตรวจที่ทุ่งนา ก็รู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น หมอรีบขอให้ผู้ใหญ่เรียกประชุมลูกบ้านและบอกทุกคนว่า ยาและสารเคมีที่พวกเขานำไปใส่ต้นข้าวนั้น มีผลร้ายอย่างไรบ้าง ทำให้ชาวบ้านพากันเลิกใช้ แล้วความสงบสุขจึงกลับมาเยือนทุ่งนาและบึงน้ำอีกครั้ง

“ปลาแสนสวยจ๋า แหม..ว่ายน้ำเพลินเชียวนะ ไม่ทักทายกันบ้างเลย”
“อ้าว! พี่ปูนา ขอโทษเถอะจ้ะ ไม่ทันเห็นจริง ๆ เป็นไงบ้างล่ะจ๊ะ พักนี้”
“สบายดีจ้ะ” ปูนาตอบ “เดี๋ยวนี้ฉันไปเที่ยวทุ่งทุกวันเลย หาอะไรกินได้ตั้งเยอะแยะ ไม่ต้องคอยระวังเหมือนก่อน พูดก็พูดเถอะนะ เรื่องนี้ต้องขอบใจเธอจริง ๆ ที่มีหัวคิดเจ๋งมาก นี่ถ้าไม่ได้เธอช่วยละก็   เฮ้อ..ป่านนี้..”

“แหม..ไม่เอาน่า พูดอย่างนี้ฉันก็เขินแย่สิ ว่าแต่ว่าอย่าลืมที่ปู่ตะพาบบอกไว้แล้วกันนะ อย่าเผลอไปเที่ยวกัดกินต้นข้าวของชาวนาเรื่อยเปื่อยอีกล่ะ เดี๋ยวเขาเดือดร้อนหนักเข้า ก็จะเอายามาใส่  ทำให้พวกเราลำบากกันอีกหรอก” ปลาสาวพูด

“โธ่เอ๊ย..ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันจำได้แม่นเชียวละ ฉันสัญญากับตัวเองแล้วว่า จะไม่ทำให้ชาวนา
ต้องเดือดร้อนเป็นอันขาด ไม่ใช่แค่ฉันเท่านั้นนะ เพื่อน ๆ ฉันก็เหมือนกัน รับรองน่า...” ว่าแล้ว ปูนาก็เดินจากไปอย่างมีความสุข

แดดอ่อน ๆ ยามเช้า สาดแสงลงมากระทบระลอกคลื่นเหนือบึงใหญ่ เป็นริ้วทอประกายระยิบระยับแดดอ่อน ๆ ยามเช้า สาดแสงลงมากระทบระลอกคลื่นเหนือบึงใหญ่ เป็นริ้วทอประกายระยิบระยับ
ราวกับเป็นสัญญาณเริ่มต้นชีวิตใหม่ของบรรดาสัตว์ทั่วบริเวณบึงน้ำ
ไกลออกไป ต้นข้าวกำลังทอดใบเขียว พลิ้วโอนเอนเป็นผืนยาวสุดสายตา สายลมอ่อน ๆ พัดโชย  นำความร่มเย็นและสุขสงบมาสู่ทุกชีวิตอีกครั้ง...
http://planetpt.blogspot.com/search/label/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81

นิทาน (๑) ปลาสาวเจ้าปัญญา



วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2552

นิทานชวนเพลิน 🧚‍♂️ : นุ้ยกับนกเอี้ยงวิเศษ

นิทานชวนเพลิน >> นุ้ยกับนกเอี้ยงวิเศษ
นุ้ยเป็นเด็กเลี้ยงควายอยู่ในชนบทแห่งหนึ่ง เขายากจนมากเพราะกำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่ยังเล็ก ดังนั้น จึงต้องรับจ้างเลี้ยงควายให้กับพวกชาวนา เพื่อแลกที่พักและข้าวปลาอาหารไปวัน ๆ
สมบัติที่นุ้ยมีติดตัวก็คือ เสื้อผ้าที่ทั้งเก่าและขาดซึ่งสวมใส่อยู่ กับมีดอีกเล่มหนึ่ง แต่เขาก็ไม่รู้สึกเดือดร้อนกับความลำบากยากจนของตนแต่อย่างใด เพราะเขามีความคิดฝันอยู่เสมอว่า สักวันหนึ่งเขาจะต้องประสบโชคดี
ทุกครั้งที่นุ้ยนั่งอยู่บนหลังควาย นุ้ยมักจะร้องเพลงอย่างมีความสุข และฝัน..ฝัน..ฝัน ถึงโชคของเขา

น่าเสียดายที่ทุก ๆ วัน นุ้ยต้องวุ่นวายอยู่กับฝูงควายที่ตนเลี้ยงอยู่ตลอดเวลา
ต้องพาไปกินหญ้า กินน้ำ อาบน้ำ คอยขับไล่ไม่ให้ควายบุกรุกเข้าไปในที่นาของคนอื่น และยังต้องคอยดูแลควายบางตัวที่เกเรอีก
นุ้ยได้แต่เลี้ยงควายและ..ฝัน..ฝัน ถึงโชค
ดังนั้น นุ้ยจึงไม่มีโอกาสออกไปหาโชค และไม่เคยคิดออกไปหา นอกจากรอคอยให้โชคเข้ามาหาตัวเอง
วันแล้ว..วันเล่า โชคดีก็ไม่มาหานุ้ยสักที นุ้ยได้แต่คอย..คอย..คอย และฝัน..ฝัน..ฝันนิทานชวนเพลิน >> นุ้ยกับนกเอี้ยง
จนกระทั่งวันหนึ่ง มีนกเอี้ยงวิเศษตัวหนึ่งบินผ่านมา มันเห็นนุ้ยนั่งเหม่ออยู่ใต้ต้นไม้ จึงบินมาเกาะข้าง ๆ และซักถามเรื่องราว พอทราบเรื่องมันก็หัวเราะ
“โธ่เอ๊ย...เรื่องแค่นี้เอง” มันพูด “ถ้าจะมีอะไรในโลกนี้ที่หาได้ง่ายที่สุดแล้วละก้อ ฉันว่า “โชค” นี่แหละที่หาง่ายกว่าเพื่อน ง่ายยิ่งกว่าหากล้วยกินเสียอีก”
นกเอี้ยงเสนอโชคให้นุ้ย
นุ้ยได้ฟังดังนั้นก็ดีใจยิ่งนัก รีบพูดขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้น เรามาแลกกันไหมล่ะ ฉันจะหากล้วยมาให้เธอ ส่วนเธอก็ไปหาโชคมาให้ฉัน เอาไหม”
พอนกเอี้ยงวิเศษรับคำ นุ้ยก็รีบวิ่งไปหากล้วยมาป้อนนกเอี้ยงวิเศษทันที แต่ด้วยความรีบร้อน เขาจึงทำกล้วยหล่นลงบนพื้นจนเปรอะเปื้อนไปหมด
“นุ้ย..นุ้ย..ลองใหม่อีกครั้ง” นกเอี้ยงวิเศษร้องขณะโผบินไปเกาะกิ่งไม้ใกล้ ๆ “เธอควรจะทำรังให้ฉันนะ แล้วเอากล้วยไปวางไว้ในนั้น ฉันจะได้กินง่าย ๆ แล้วฉันจะได้ไปนำโชคมาให้เธอ”“นุ้ย..นุ้ย..ลองใหม่อีกครั้ง” นกเอี้ยงวิเศษร้อง
นุ้ยจึงไปตัดกิ่งไม้เล็ก ๆ มาเป็นจำนวนมาก และนำมาประกอบกันเข้าจนกลายเป็นรังนกที่สวยงาม มีปล่องอยู่ตรงหลังคา และมีประตูทางเข้ากับหน้าต่างบานเล็ก ๆ ไว้ให้นกเอี้ยงมองทิวทัศน์ภายนอก ตรงกลางห้องมีคอนไม้กลม ๆ แขวนโยงด้วยเถาวัลย์เส้นเล็ก ๆ จากเพดาน สำหรับเป็นที่นอนของนกเอี้ยงวิเศษ
พอสร้างเสร็จ นุ้ยก็นำไปให้นกเอี้ยงวิเศษดู...
“ฉันอยู่รังอย่างนี้ไม่ได้หรอก เดี๋ยวแมวร้ายจะมารังแกฉัน นุ้ย..นุ้ย..รังนี้มันเล็กเกินไป..”
“นุ้ย..นุ้ย นี่เธอทำรังไว้ให้ใครอยู่นะ” นกเอี้ยงวิเศษร้องขึ้น “ฉันอยู่ในรังอย่างนี้ไม่ได้หรอก เดี๋ยวแมวร้ายจะมารังแกฉัน นุ้ย..นุ้ย..รังนี้มันเล็กเกินไป..” ว่าแล้ว นกเอี้ยงวิเศษก็โผบินขึ้นสู่ท้องฟ้า โดยไม่ยอมกินกล้วยที่นุ้ยวางไว้ให้เลย
นิทานชวนเพลิน >> นุ้ยกับนกเอี้ยงวิเศษ
“ถ้าฉันสร้างรังให้ใหญ่และสวยงาม มีลักษณะเหมือนบ้านมากกว่านี้ นกเอี้ยงวิเศษคงจะชอบและนำโชคมาให้ฉัน” นุ้ยคิดแล้วจึงไปขอยืมขวานจากชาวนาผู้เป็นเจ้าของควายที่ตนรับจ้างเลี้ยง พอได้ขวานมาก็ไปขอตัดไม้ในที่ดินของเพื่อนบ้านมาจำนวนหนึ่ง
นุ้ยเริ่มทำงาน...ทำงาน...และทำงาน ตั้งแต่เช้าจรดค่ำทุกวัน จนไม่มีเวลาเลี้ยงควาย และต้องขอให้ชาวนาผู้อารีดูแลควายของตนต่อไปตามเดิม
นุ้ยเริ่มทำงาน...ทำงาน...และทำงาน ตั้งแต่เช้าจรดค่ำทุกวัน
หลายเดือนต่อมา รังใหม่ที่ใหญ่โตจนดูเหมือนกระท่อมหลังน้อย ๆ ก็เสร็จสิ้นพร้อม ๆ กับร่างกายของนุ้ยก็เติบโตและแข็งแรงกว่าเดิมเป็นอันมาก
กระท่อมหลังนี้มีห้องนอน ๒ ห้อง กับห้องนั่งเล่น ๑ ห้อง และยังมีห้องใต้หลังคาซึ่งมีประตูเล็ก ๆ ไว้ให้นกเอี้ยงวิเศษบินเข้าออกได้อีกทางหนึ่ง
นุ้ยรู้สึกภูมิใจกับกระท่อมที่สร้างขึ้นด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองเป็นอย่างมาก“ฉันจะต้องสร้างบ้านให้ใหญ่และสวยงามกว่านี้มาก ๆ ต้องทำให้นกเอี้ยงวิเศษพอใจให้ได้”
น่าสงสารนุ้ยเสียจริง เจ้านกเอี้ยงวิเศษไม่ชอบกระท่อมของนุ้ยเลย ทันทีที่มันเห็นเข้าก็ร้องขึ้นว่า “นุ้ย..นุ้ย.. เธอสร้างกระท่อมไว้ให้ใคร ฉันอยู่กระท่อมแบบนี้ไม่ได้หรอก มันไม่สวยงามพอสำหรับนกเอี้ยงวิเศษอย่างฉัน” ว่าแล้ว นกเอี้ยงวิเศษก็บินจากไปโดยไม่ยอมแตะต้องกล้วยที่นุ้ยจัดเตรียมไว้ให้อีกเช่นเคย
“ฉันจะต้องสร้างบ้านให้ใหญ่และสวยงามกว่านี้มาก ๆ ต้องทำให้นกเอี้ยงวิเศษพอใจให้ได้” นุ้ยคิด แล้วจึงไปขอยืมขวาน เลื่อย สิ่ว และค้อนจากชาวนาผู้อารีอีกครั้ง พอได้มาก็ไปขอตัดต้นไม้ในที่ดินของเพื่อนบ้านอีกหลายต้น แล้วเริ่มสร้างบ้านหลังใหม่ทันที
นุ้ยทำงาน..ทำงาน..และทำงานอย่างหนักทุกวันนุ้ยทำงาน..ทำงาน..และทำงานอย่างหนักทุกวัน เลื่อยไม้ ทำเสาเข็ม เหลากระดานและฝาบ้านเป็นจำนวนมาก จากนั้นก็นำมาประกอบกันอย่างประณีต ทีละชิ้น ๆ จนบ้านหลัง ๆ ค่อย ๆ ปรากฎเป็นรูปเป็นร่างขึ้นทีละน้อยนิทานชวนเพลิน >> นุ้ยกับนกเอี้ยงวิเศษ
หลายปีผ่านไป บ้านหลังใหญ่ที่สวยงาม แข็งแรง ก็เสร็จสมบูรณ์ ขณะที่นุ้ยก็เติบโตเป็นชายหนุ่มที่สง่างาม แข็งแรง และมีความสามารถทางช่างไม้มาก
นุ้ยเติบโตเป็นชายหนุ่มที่สง่างาม แข็งแรง และมีความสามารถทางช่างไม้มาก น่าเสียดายที่นกเอี้ยงวิเศษไม่เห็นบ้านหลังนี้ มันไม่เคยปรากฎกายอีกเลยนับแต่นุ้ยเริ่มสร้างบ้านหลังนี้
เช่นเดียวกับนุ้ยที่ใจจดใจจ่ออยู่กับการสร้างบ้าน จนหลงลืมนกเอี้ยงวิเศษไป แต่เขาก็ไม่ใส่ใจ เพราะบัดนี้ นุ้ยรู้แล้วว่าการทำงานที่ตนทุ่มเทลงไปนั้น ก่อให้เกิดสิ่งที่ดีกว่า “โชค” เป็นไหน ๆ
บัดนี้ นุ้ยรู้แล้วว่าการทำงานที่ตนทุ่มเทลงไปนั้น ก่อให้เกิดสิ่งที่ดีกว่า “โชค” เป็นไหน ๆ
นุ้ยเติบใหญ่ขึ้นเป็นชายหนุ่มรูปร่างสง่างาม มีบ้านหลังใหญ่เป็นที่อาศัย ทั้งยังเป็นช่างไม้ฝีมือดีที่ใคร ๆ อยากจ้างให้ไปช่วยสร้างบ้านให้เสมอ ๆ
นุ้ยไม่เคยคิดฝันถึงโชคอีกเลย...


นิทานชวนเพลิน >> นุ้ยกับนกเอี้ยงวิเศษ
https://planetpt.blogspot.com/search/label/%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%AD

โพสต์แนะนำ

สาระนิทาน ชุด ไม้ไทยใจดี 🍽 เรื่อง "ข.ข้าว ขาว ขาว"

เขียวเอย...เขียวพรมผืนใหญ่ ใครมาถักทอไว้ แลไกลสุดตา  เจียวเอย... ตัวฉันนั่นไง  ใบ ข้าว เขียวเขียว ยืนต้นเดี่ยวเดี่ยว  ร...