-->

วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2552

กวีวัจนะ: ร้อยกระบวนสำนวนไทย (๒) กาพย์ยานี

ร้อยกระบวนสำนวนไทย (๒) กาพย์ยานี ๑๑

กาพย์ยานี ๑๑

มีทองเท่าหนวดกุ้ง    นอนสะดุ้งจนเรือนไหว
เปรียบเปรยคนยากไร้    วุ่นวายใจในสินทรัพย์

สาวไส้ให้กากิน    ฉาวโฉ่สิ้นยามสดับ
เรื่องราวในเรือนลับ    ควรหรือเอาไปป่าวร้อง

พูดไปสองไพเบี้ย    นิ่งนิ่งเสียตำลึงทอง
ขานไขควรไตร่ตรอง    ใดควรพูดใดควรงำ

ปัญญาแค่หางอึ่ง    หมายถึงคนปัญญาต่ำ
ผักต้มขนมยำ    ปนเปไปไม่รู้พอ

เข้าเถื่อนอย่าลืมพร้า    ทุกแนวป่ามีภัยรอ
ประมาทอาจทุกข์ท้อ         ทุกข์การณ์ก่อต้องใคร่ครวญ

ฝนตกอย่าเชื่อดาว    ราวฟ้ากว้างกว่าเมฆกวน
เรื่องราวทั้งหลายล้วน    อย่าไว้ใจจนหมดใจ

ดีดลูกคิดรางแก้ว    ด่วนได้แล้วมักไม่ได้
ภาษิตติดเตือนใจ    อย่าหวังได้แต่ถ่ายเดียว

ดักลอบให้หมั่นกู้    ดักเจ้าชู้ให้หมั่นเกี้ยว
บอกบทอย่าลดเลี้ยว    ทุกงานทำต้องใส่ใจ

เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน    สอดประสานงานให้ได้
ใหญ่น้อยร้อยเรียงไป    จวบชี้เห็นเป็นรูปทรง

เงื้อง่าราคาแพง    เขาจักแย่งสิ่งประสงค์
หมายใจสิ่งใดจง    โหมเข้าหักอย่าชักช้า
 

ผิดถูกดีหรือร้าย    ค่อย ไปตายเอาดาบหน้า
ต่อตีตามวาสนา    กรรมบัญชาให้ได้พบ

ตกกระไดพลอยโจน    เหตุยื่นโยนยากหลีกหลบ
ชี้เห็นประเด็นครบ    โลดถลำจำเอออวย

ลูกขุนพลอยพยัก    เจ้าว่ารักข้ารักด้วย
บอดใบ้ไม่เขินขวย    ประจบจ้อสอพลอนาย

น้ำกลิ้งบนใบบอน    เปรียบกระล่อนอวดลวดลาย
เล่นเล่ห์เพทุบาย    พร่ำอวดโอ่แท้โฉเก

ฝากเนื้อไว้กับเสือ    ใครขืนเชื่อเสือเกเร
พลิกลิ้นว่ากินเจ    เผลอกลืนหมับวับหายสูญ

สำเนียงส่อภาษา    กิริยาส่อตระกูล
บอกเล่าเป็นเค้ามูล    ชนชั้นไหนใคร่ประพฤติ

หักด้ามพร้าด้วยเข่า    โหมหักเอาเข้ายื้อยึด
เจ็บเปล่าเขาอาจฮึด    สู้ขันแข็งสุดแรงขืน

เด็ดบัวไม่เหลือใย    ธารน้ำไหลไม่หวนคืน
สัมพันธ์อันหวานชื่น    ถึงบทจบเลิกคบค้า

หนามยอกเอาหนามบ่ง    ตอบโต้ตรงตาต่อตา
แรงไปก็แรงมา    ตอบให้เห็นเช่นเดียวกัน

น้ำเชี่ยวอย่าขวางเรือ    เรือจะล่มจมเร็วพลัน
เขาร้อนมาอย่ากั้น    ขวางพรวดพราดอาจเจ็บตัว

ตีป่าให้เสือตื่น    ขู่เขาอื่นให้ตื่นกลัว
เขาอาจยิ้มเยาะยั่ว    หยอกเย้าเล่นเป็นอาจิณ

ถ่มน้ำลายรดฟ้า    รังแต่หน้าเปรอะราคิน
เปล่าประโยชน์ทั้งสิ้น    กลับร้อนรุกด้วยทุกข์โถม

กบในกะลาครอบ    ยิ่งโต้ตอบยิ่งเสื่อมโทรม

รู้น้อยต้องรู้โน้ม    ใช่อวดเก่งเบ่งความรู้

ฝนทั่งให้เป็นเข็ม    ค่อยและเล็มอย่าอดสู
หมั่นเพียรเรียนคำครู    ด้วยมานะพยายาม

เก็บเล็กผสมน้อย    ทุกถั่งถ้อยร้อยเรียงตาม
กลั่นกรองตรองไต่ถาม    ทีละน้อยค่อยสะสม

ตัดหนามอย่าไว้หน่อ    เข้าถึงตอทุกหลุมหล่ม
กระพี้ที่โสมม             เศษโคลนตมชำระทิ้ง

เส้นผมบังภูเขา    มายาเงาในความจริง
ลางเลือนเหมือนยากยิ่ง         แท้ที่จริงสิ่งง่ายดาย

เขาวัวอยู่ข้างหน้า    รอคนกล้าเข้าท้าทาย
เปรียบทางทุกที่หมาย         ซ่อนอุปสรรคและขวากหนาม

ลางเนื้อชอบลางยา    บ้างเห็นค่าควรฝ่าข้าม
บ้างถอย บ้างคล้อยตาม         บ้างกล่าวห้าม บ้างถามทวน

พายเรือคนละที    แข่งชิงดีแข่งได้ด่วน
สุดท้ายพายเรรวน         เรือหมุนคว้างขวางลำคลอง

ลูบหน้าปะจมูก    ล้วนพันผูกตามครรลอง
โน่นพี่นี่เพื่อนพ้อง         ยากแตะต้องยากลงทัณฑ์

ตีวัวกระทบคราด    อวดอำนาจด้วยอัดอั้น
ดุด่าทุกสิ่งอัน             หวังแดกดันคนข้างเคียง

ฟื้นฝอยหาตะเข็บ    เรื่องเก่าเก็บกลับไล่เรียง
รื้อฟื้นขึ้นถกเถียง         เสียเวลาต่อคารม

ปลาหมอตายเพราะปาก    เหลือแต่ซากคาเบ็ดคม
พล่อยพล่ามตามอารมณ์     ระวังเป็นเช่นปลาหมอ

ปิดครัวไฟไม่มิด    สร้างความผิดฉาวโฉ่ฉ้อ
ปิดเรื่องลบรอยรอ         คนหลงลืมคงไม่ไหว

หมองูตายเพราะงู    ฉลาดรู้ในสิ่งใด
ถึงฆาตพลาดพลั้งไป         ขาดเฉลียวใจหนีไม่ทัน

ตำข้าวสารกรอกหม้อ    หาแค่พอกินวันวัน
อีกไกลแค่ไหนนั่น         กว่าสำเร็จในชีวิต

ชี้นกบนปลายไม้    วาดหวังไกลเกินลิขิต
เปรียบคนก่นแต่คิด         หวังสูงมากยากดังหวัง

เข็นครกขึ้นภูเขา    แบกรับเอาตามคำสั่ง
งานยากเกินกำลัง         ยากเห็นผลต้องทนทำ

ทุบหม้อข้าวตัวเอง    ไม่ยำเกรงผูกใจจำ
ว่าร้ายนายเหยียบย่ำ         นายอาจซ้ำถึงตกงาน

ปลาใหญ่กินปลาเล็ก    ลำดับเด็กน่าสงสาร
ผู้ใหญ่ไล่รังควาน         ฉวยโอกาสอำนาจมี

หมากัดอย่ากัดตอบ    อย่าชื่นชอบความอัปรีย์
หลีกได้ให้หลีกหนี         คนชั่วช้าอย่าข้องแวะ

ยื่นแก้วให้วานร    มันมักค้อนมักค่อนแขวะ
ความดียื่นชี้แนะ             หารู้ค่าหารู้คิด

โง่แล้วอยากนอนเตียง    เฝ้าถกเถียงทั้งผิดผิด
พลาดหวังทั้งชีวิต         ยังทะนงหลงว่ารู้

ยืนกระต่ายสามขา    ยืนวาจาแก่ทุกผู้
ถูกผิดไม่คิดรู้     ยืนยันคำซ้ำทุกหน

เถียงคำไม่ตกฟาก    ชอบต่อปากไร้เหตุผล
ปากไวไม่ยอมคน         ไม่ผ่อนปรนไม่ยอมใคร
 

ล้อเล่นหมายเจรจา      กลับ ตีหน้ายักษ์เข้าใส่
ใครเขาอยากเข้าใกล้         เพียงแค่เห็นก็เผ่นแล้ว

หุงข้าวประชดหมา    อย่า ปิ้งปลาประชดแมว
หาไม่คงไม่แคล้ว    หมดตัวเปล่าไม่เข้าการณ์
เปรียบนายรู้ว่าบ่าว          ลักของข้าวนึกรำคาญ
แกล้งกองเกลื่อนเต็มบ้าน     หวังประชดเลยหมดตัว

เลี้ยงช้างกินขี้ช้าง    เฉกลูกจ้างคิดทางชั่ว
กอบประโยชน์เข้าหาตัว         จากหน้าที่การงานตน


ขูดรีดเอาทุกท่า         คน ทำนาบนหลังคน
เนื้อร้ายเมื่อปะปน    ต้องจำทนเชือดเนื้อร้าย

ตีงูให้หลังหัก    มักแว้งกัดเข้าข้างกาย
ตีงูต้องตีตาย    เหมือนกำจัดเหล่าศัตรู

สีซอให้ควายฟัง    มันนิ่งนั่งไม่รับรู้
ไร้ผลจนใจชู    เชิดคนโง่ให้เชี่ยวชาญ

ชักตะพานแหงนเถ่อ    เอ้อเรอเอ้อเต่ออยู่นาน
เปรียบคนรอผลงาน         ไม่ถึงไหนได้แต่รอ

สอนสั่งไม่ฟังคำ     เหมือน ตักน้ำรดหัวตอ
ราดรดน้ำหมดบ่อ         ไม่รู้สึกสำนึกตน

น้ำขึ้นให้รีบตัก  ชะล่านักจักเสียผล
โอกาสมาถึงตน             ควรรับไว้ให้เกิดการณ์

รู้รอรู้ต่อสู้    รู้ อดเปรี้ยวไว้กินหวาน
มวลหมู่ดอกไม้บาน    มิเคยใครไปเร่งมัน

ชี้โพรงให้กระรอก   ชี้ทางออกทุกสิ่งอัน
เสกสร้างทางสวรรค์    ให้เขาใช้เขาฉวยชม

แกว่งเท้าเข้าหาเสี้ยน   เสี้ยนย่อมซ้ำตำตีนจม
มีบ้างบางสิ่งสม    ควรห่างไว้ได้เป็นดี

ทำคุณบูชาโทษ   ก่อประโยชน์กลายกาลี
ความเขลาคนเรามี    ความหวังดีอาจเห็นร้าย

อยู่สูงให้นอนคว่ำ   หาก อยู่ต่ำให้นอนหงาย
ดุจข้าเข้าใจนาย             รู้ความหมายผู้ปกครอง

ใจเขาใส่ใจเรา   ผู้ใหญ่เข้า ใจลูกน้อง
อยู่สูงต้องคอยมอง   คอยจับจ้องคอยจุนเจือ

คนรักเท่าผืนหนัง   แต่ คนชังเท่าผืนเสื่อ
หมายใจเตือนให้เชื่อ         คนรักมักน้อยกว่าชัง

บ้างเผาบ้างเย้ายั่ว   บ้าง ตบหัวแล้วลูบหลัง
พลั้งพลาดฟาดไม่ยั้ง   เผลอปุบปับขอจับมือ

ชาติเสือต้องไว้ลาย    เกิดเป็นชายต้องไว้ชื่อ
เกียรติต้องประคองถือ    ไม่ระย่อต่ออธรรม

เสียชีพอย่าเสียสัตย์    ไม่ตระบัดไม่คืนคำ
พูดจริงทำจริงทำ    ทุกสิ่งย้ำคำคนจริง

เขียนเสือให้วัวกลัว      หวังเยาะยั่วให้เกรงกริ่ง
ขวัญผวาหวั่นว่าจริง    ขู่ด้วยเล่ห์คารมคม

ชักแม่น้ำทั้งห้า    เจรจาจนเห็นสม
หว่านล้อมกล่อมอารมณ์         เห็นคล้อยคิดติดตามฟัง

สี่เท้ายังรู้พลาด    แม้ นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง
หมื่นร้อยคอยระวัง    เหตุพลั้งพลาดยังอาจมี

ตักน้ำใส่กระโหลก    ชะโงกดูเงา ให้ดี
ซ่อนความหมายบ่งชี้         ให้รู้เจียมเนื้อเจียมตน

อย่าใฝ่สูงเกินศักดิ์   หมายสูงนักมักร่วงหล่น
สำนึกในศักดิ์ตน    ก่อนดิ้นรนคว้าฝันไกล

เลือกนักมักได้แร่    หลงว่าแท้กลับไม่ใช่
คิดมากอาจยากใจ         เพราะหวังได้ไม่รู้พอ

ฆ่าช้างหวังเอางา    ของสูงค่ากว่าเล่นล้อ
ทำลายได้ลงคอ      หมายสิ่งของรองศักดิ์ศรี

ขายผ้าเอาหน้ารอด    หวังแค่ปลอดพ้นไปที
ข้าวของบรรดามี    ยอมสูญสิ้นกลบกลิ่นฉาว

ฆ่าควายเสียดายพริก    อย่าจุกจิกทุกเรื่องราว
ทำการต้องหาญห้าว    ใช่เสียนิดคิดเสียดาย

ชักใบให้เรือเสีย    ชอบคุ้ยเขี่ยชอบยักย้าย
เรื่องคอขาดบาดตาย    พูดซุกซนจนไขว้เขว

ตาบอดสอดตาเห็น    อวดทำเป็นรู้ถมเถ
คุยเขื่องเรื่องทั้งเพ    แท้เหลวไหลไม่รู้จริง

ลูกไก่ในกำมือ    เขาจักถือหรือบีบทิ้ง
ย่อมได้ในทุกสิ่ง    สุดแต่จิตคิดเมตตา

น้ำมาปลากินมด    ยาม น้ำลดมดกินปลา
ทีเขาเราไม่ว่า    ถึงทีข้าอย่าโวยใคร

ไม้ซีกงัดไม้ซุง    ผู้น้อยมุ่งค้านผู้ใหญ่
เปล่าเปลืองแรงทำไป    เกิดพิษภัยก็แต่ตน
หลายซีกหลายแรงรวม    ร้อยใจร่วมด้วยเหตุผล
ซุงใหญ่จึงจำนน    พ่ายเพราะรักสามัคคี...

ร้อยกระบวนสำนวนไทย (๒)  กาพยานี ๑๑
ร้อยกระบวนสำนวนไทย (๓) ...
https://planetpt.blogspot.com/2009/09/blog-post_05.html

วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บทกวี >> ค่าราชการ

บทกวี >> ค่าราชการ
โลกวันนี้พัฒนาจนกล้าแกร่ง
เพราะเรี่ยวแรงคนดีช่วยชี้หนุน
มอบหัวใจใฝ่ธรรมคอยค้ำจุน
พร้อมไออุ่นให้กล้าสู้อย่างผู้ดี

บนบันไดสู่สวรรค์วันละก้าว
ต้องผ่านความปวดร้าวในหน้าที่
กี่ครั้งทน กี่หนรับความอัปรีย์
กว่าจะถึงวันนี้ที่ปลายทาง

วันที่โบกมือลาสถานภาพ
ด้วยหัวใจไร้บาปกลิ่นสาบสาง
พร้อมศักดิ์ศรีที่เห็นเด่นรางชาง
โดยสืบสร้างวางหลักนักปกครอง

เมื่อถือน้ำพิพัฒน์สัตยา
คือถวายสัจจาประกาศก้อง
เราคือข้าราชการของพี่น้อง
และข้าทูลละอองของพระองค์

มีชีวิตเพียงอุทิศเพื่อหน้าที่
ปลูกความดีสัตย์ซื่อคือประสงค์
หวังเพียงรัฐพัฒนาค่ามั่นคง
สุขดำรงสยามรัฐกษัตริย์ไทย

มิใช่ข้ารัฐบาลสันดานโลภ
ผู้ถือครองความละโมบมาเป็นใหญ่
แล้วผลัดเปลี่ยนเวียนหน้ามาเติมภัย
จนบ้านเมืองบรรลัยไม่เว้นวัน

พรุ่งนี้เป็นอย่างไรยังไม่แน่
แต่คนจริงจะไม่แพ้แม้ถูกหยัน
เพราะหัวใจผู้กล้าคือราชันย์
ที่สวรรค์ต้องอุ้มต้องคุ้มครอง.

บทกวี >> ค่าราชการ

วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บทกวี >> คนปลูกดอกไม้


บทกวี >> คนปลูกดอกไม้

และแล้วความดีกว่าก็ปรากฎ
แม้ไม่หมดความเขลาเข้ามาเพิ่ม
แต่อย่างน้อยก็ยังมีดีกว่าเดิม
ตรงดีเติมเพิ่มหวังกำลังใจ

บนเวทีที่หมายสุดปลายฟ้า
เธอคือผู้ค้นหาความหมายใหม่
คอยทอดวางสำนึกผนึกใน
เพื่อดอกไม้ดอกใหม่ได้ผลิบาน

หยาดน้ำใสทีละหยดรดใบอ่อน
ดังคำพรประโลมไล้ให้แตกก้าน
หนึ่งเป็นสอง..สองเป็นสี่ คลี่ตระการ
สะท้อนสะท้านสำนึกใหม่ให้มีเป็น

กลางความโลภ โกรธ หลง ประจงจัด
ประคองคัดความดีชี้ให้เห็น
ทีละจุด ทีละแฉก แยกประเด็น
ที่ลี้เร้นเห็นต่างกระจ่างพลัน

เราอาจต่างตามวิถีชีวทัศน์
ซึ่งมีกรอบจำกัดมีขีดขั้น
อาจบอบบางเข้มข้นที่ชนชั้น
แต่มีฝันงดงามทุกความคิด

เนิ่นนานนักหนา...
กงล้อกาลเวลาก่อจริต
เริงระบำร่ำบรรเลงเพลงชีวิต
กว่าสำนึกถูกผิดจะถึงพร้อม

คนปลูกดอกไม้...
เธอก็คือผู้ให้กระไอหอม
กำจายกลิ่นสุขสมให้ดมดอม
ดื่มดวงใจไหวน้อมด้วยยินดี

เธอทำให้คนเห็นเช่นที่หวัง
ยุติธรรมคือพลังแห่งศักดิ์ศรี
ที่มนุษย์ผู่หนึ่งจะพึงมี
และชวนชี้ให้เห็นเป็นความงาม.

บทกวี >> โลกหมุนไป ใจยังมี

บทกวี >> โลกหมุนไป  ใจยังมี
ชีวิตคนเกิดมากว่าจะดับ
เคยได้รับความรักสักกี่หน
เคยถึงพร้อมสิ่งดีดีสักกี่คน
เคยพบผ่านมารผจญกี่คน/ครั้ง

บนเส้นทางทอดยาวทุกก้าวย่าง
อาจมีบ้างบางทีที่สิ้นหวัง
เหมือนใจเจียนสิ้นแสงแห่งพลัง
ยากอยู่ยั้งหยัดยืนฝืนต่อไป

ภาพงดงามบางภาพอาจสาบสูญ
เศษขยะปฎิกูลอาจเปื้อนใส่
จนฟอนเฟะเละลึกผนึกใน
เกินห้ามใจสำนึกสะอึกเอียน

ต้องทนอยู่ดูดายความร้ายกาจ
ยอมจำนนต่ออำนาจชวนคลื่นเหียน
จำน้อมรับแม้จิตคิดอาเจียน
เพื่อสืบผลพากเพียรที่ทำมา

วันนี้ฟ้าอาจมืด...มืดสนิท
เห็นแต่ความมืดมิดทุกหย่อมหญ้า
สัมผัสผองภัยพาลละลานตา
ซึ่งถาโถมเข้ามาจนชาชิน

แต่เชื่อเถิด..ฟ้าอาจดำดูคล้ำหมอง
แต่แสงทองจักคงอยู่มิรู้สิ้น
ยิ่งมืดมาก ยิ่งใกล้สาง ยิ่งรางริน
เป็นอาจิณอยู่อย่างนี้ทุกวี่วัน

ขอจงสู้อย่างมั่นใจในภาพฝัน
ขอจงยึดถือธรรมเป็นสำคัญ
ขอตั้งมั่นในรักเป็นหลักชัย

ถึงเหนื่อยล้าก็จงล้า..แต่อย่าท้อ
ถึงต้องรอก็จงรอ..ต่อสู้ใหม่
ถึงเลือดตาแทบกระเด็น..ไม่เป็นไร
ตราบที่โลกหมุนไป..ใจยังมี

เพื่อแผ้วถางทางข้างหน้าให้ปรากฎ
เป็นเส้นทางงามงดด้วยศักดิ์ศรี
ปลุกสำนึกผู้ผ่านทางเส้นทางนี้
ให้เดินตามความดีที่พานพบ.

วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2552

@ เปิดม่าน @


ลุกขึ้น..สินรชน
อุบัติคนย่อมเป็นคุณ
โลกหล้ากอปรการุณ
ผิว์เปลี่ยวเหงาจักเปล่าดาย

ตราบเท่ามนุษย์นี้
กำเนิดมี ณ กลางกาย
หลุมศพคือที่หมาย
ยังเวียนว่ายในวงกรรม

ไยเล่ามิเย้าโลก
เยาะวิโยคบ่เยงยำ
พำนักเพียงพักนำ
ประดารัก..ประจักษ์..รู้

ฟังดนตรีเถิด..ชื่นใจ - เพลงสากลร่วมสมัย, เพลงประทับใจ, เพลงคลาสสิก

ฟังดนตรีเถิด..ชื่นใจ - เพลงสากลร่วมสมัย, เพลงประทับใจ, เพลงคลาสสิก

โพสต์แนะนำ

สาระนิทาน ชุด ไม้ไทยใจดี 🍽 เรื่อง "ข.ข้าว ขาว ขาว"

เขียวเอย...เขียวพรมผืนใหญ่ ใครมาถักทอไว้ แลไกลสุดตา  เจียวเอย... ตัวฉันนั่นไง  ใบ ข้าว เขียวเขียว ยืนต้นเดี่ยวเดี่ยว  ร...